รรินทร์ เล่าว่า เธอเริ่มธุรกิจนี้ด้วยเงินเพียง 90,000 บาท เพื่อใช้ในการเปิดร้านขายสินค้าออนไลน์ เนื่องจากมีเงินทุนไม่มาก ไม่สามารถไปเปิดหน้าร้านตามอาคารพาณิชย์ต่างๆ ได้ เธอเริ่มจากการขายกระเป๋าแฟชั่น เพราะเป็นสินค้าที่ไม่มีไซส์สามารถขายได้กับทุกคน ก่อนที่จะขยายมาขายรองเท้าบัลเล่ต์ที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษ และมีความรู้เกี่ยวกับรองเท้าประเภทนี้ ทำให้เข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ในช่วงปีแรก รรินทร์ ลงมือเข้าไปทำให้ทุกส่วนงานของธุรกิจ ตั้งแต่ถ่ายภาพสินค้า โพสต์ขาย ตอบลูกค้า แพ็คส่งของ แต่การทุ่มเททำงานหนักนั้น ผลตอบแทนที่ได้กลับเป็นกำไรเพียง 4,000 บาท ซึ่งสาเหตุก็มาจากการจัดการภายในที่ไม่ดี ทั้งเรื่องบัญชี การบริหารสต็อกสินค้า เมื่อพบปัญหานี้จึงเริ่มทำการแก้ไข จนเข้าที่เข้าทางในที่สุดแล้วสามารถเดินหน้าธุรกิจได้อย่างเต็มที่
รรินทร์ใช้เวลาไปกับการทำการตลาดออนไลน์อย่างหนักมีการทำ และทำกรณีศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อที่จะสื่อสารแบรนด์ออกไปได้ตรงจุด “เรารู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป็นผู้หญิงวัยทำงาน ชอบดูละครช่อง 3 ไม่ดูช่อง 7 กลุ่มที่ซื้อรองเท้าราคา 2,000 บาท จะมีฐานเงินเดือนอยู่ที่ 30,000 บาทขึ้นไป ซึ่งการสำรวจแบบนี้ทำให้รู้ว่าต้องทำการตลาดอย่างไร จะเลือกนักแสดงคนใดจากช่องไหนมาเป็นพรีเซนเตอร์ ดังนั้นเมื่อขายของออนไลน์ไม่จำเป็นต้องขายให้กับทุกคน อย่าสื่อสารแบบว่านเมล็ด แต่จะต้องหากลุ่มลูกค้าให้เจอว่าเป็นใคร แล้วค่อยไปทำการตลาดออกไป ด้วย message ตัวเดียวกัน เพื่อย้ำชัดให้เข้าใจถึงตัวตนแบรน์ของเรา” รรินทร์ กล่าวเสริม การทำการตลาดบน “เฟชบุ๊ก” เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ O&B แต่การที่จะแย่งชิงพื้นที่ฟีดข่าวบนไทม์ไลน์ของลูกค้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องใช้คอนเทนต์ที่หวือหวา โดดเด่น น่าสนใจ ล้อไปกับกระแส และต้องสื่อสารให้เข้าใจง่ายด้วยข้อความสั้นกระชับ “เราวางแผนล่วงหน้าว่า จะขายสินค้าอะไรบ้างในแต่ละเดือน ดังนั้นแผนการตลาดก็จะล้อไปกับสินค้านั้น เช่น วันวาเลนไทน์ก็ทำหัวข้อ ‘ซื้อรองเท้าเพื่อบอกรักแฟน’ หรือช่วงเดือนที่คนนิยมไปเที่ยวต่างประเทศ คอนเทนต์ก็จะเกี่ยวกับการแต่งตัวเที่ยวเมืองนอกอย่างไรให้คู่กับรองเท้า ซึ่งส่วนนี้ก็จะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้สนใจซื้อ” รรินทร์ กล่าวเสิรม
นอกจากแผนการตลาดที่เข้มข้นแล้ว สินค้าก็ต้องสามารถขายตัวมันเองได้เช่นกัน รรินทร์ จึงพิถีพิถันกับการออกแบบสินค้าอย่างมาก เพื่อให้ได้รองเท้าที่ไม่กัดเท้า สวมใส่สบาย และมีให้เลือกถึง 50 สี เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าสุภาพสตรีที่ชื่นชอบการแต่งตัวที่มีสีสันสดใส ซึ่งส่วนนี้ทำให้แบรนด์โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ขณะที่ลูกค้าเองก็สามารถซื้อสะสมไปได้เรื่อยๆ เมื่อธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ รรินทร์ ก็ไม่ลืมที่จะทำในส่วนที่เป็นออฟไลน์ควบคู่กันไป คือการเปิดโชว์รูมที่ซอยอารีย์ 5 เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ อีกทั้งลูกค้าก็ได้สินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายออนไลน์ได้อีกด้วย ปัจจุบันแบรนด์ O&B มีสินค้าหลักเป็นรองเท้าบัลเล่ต์ รวมไปถึงรองเท้าส้นสูงและผ้าใบ นอกจากนี้ยังมีกระเป๋า เสื้อผ้า อีกด้วยโดยขายผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก และมีโชว์รูมสามารถทำยอดขายหลักสิบล้านบาทต่อเดือน แต่ในช่วงพีคเคยขายวันเดียวได้ 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นแบบพรีออร์เดอร์ รวมทั้งปีกว่า 100 ล้านบาท
“ส่วนที่ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เป็นเพราะเข้าใจผู้บริโภคได้ลึกซึ้ง เราเอาตัวเองเข้าไปในมุมมองของคนซื้อว่า เราต้องการอะไร ซื้อในราคาเท่าไหร่ อยากซื้อแบบไหน อยากเห็นภาพแบบไหน ตอบลูกค้าแบบไหน ทั้งหมดนี้ทำให้เรามองแบรนด์ได้ครบ 360 องศา และจึงเป็นการง่ายที่จะทำการตลาด” รรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย