เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไปจนอาจจะเรียกว่า โดยสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้ จากเดิมเวลาจะซื้อสินค้าสักชิ้นจะต้องไปเดินดูถึงร้าน หรือเข้าไปดูสินค้าในเว็บไซต์ หรือเพจเฟสบุ๊ก ซึ่งรูปแบบการนำเสนอสินค้าจากเดิมจะใช้เพียงภาพนิ่ง สู่การทำคลิปขายสินค้าแบบสั้นๆ จนตอนนี้รูปแบบการนำเสนอเปลี่ยนไปสู่การขายสินค้าผ่าน “ไลฟ์สด” ผ่าน Facebook Live

แม้ว่าการไลฟ์สดจะมีมาสักระยะหนึ่งแล้ว และสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ ซึ่งจำนวนการเข้าชมของผู้ซื้อสินค้ายังถือว่ามีไม่มากนัก เพราะสินค้าส่วนใหญ่จะต้องเป็นสินค้าที่อยู่ในความสนใจหรือต้องการของผู้ซื้อจริงๆ แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มระบาด การรับชมสินค้าในกลุ่มต่างๆ กลับมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

ข้อมูลสถิติจาก Shoplus ผู้ให้บริการเทคโนยี AI ระบบช่วยจัดการร้านค้าที่ขายผ่านโซเชียลมีเดีย ได้เผยยอดขายจากการไลฟ์สดบนเฟซบุ๊กตั้งแต่กุมภาพันธ์เติบโตขึ้นถึง 216 % เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ร้านค้าต่างๆ ไม่สามารถเปิดให้บริการหน้าร้านได้ ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยหันมาซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียเพิ่มมากขึ้น โดยสินค้าที่ซื้อมีความหลากหลายตั้งแต่ ทองคำ เสื้อผ้า ไปจนถึงเจลล้างมือ

ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา มีจำนวนร้านค้าที่พยายามมองหาตัวช่วยจัดการออเดอร์จากการขายไลฟ์สดมีเพิ่มมากขึ้น จากอัตรา engagement ที่พุ่งสูงขึ้นในการไลฟ์แต่ละครั้ง จากการปฏิสัมพันธ์กับผู้ขายเหมือนการซื้อขายในชีวิตจริง และแม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะมีส่วนในการส่งเสริมการขายผ่านไลฟ์สด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายหรือการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น

ประเทศไทยถือเป็นประเทศผู้นำเทรนขายสินค้าผ่านไลฟ์สด นอกจากนี้เทรนการขายผ่านโซเชียลมีเดียทั่วโลกก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประเทศจีนมีจำนวนร้านค้าที่ขายสินค้าโดยการไลฟ์สดเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 7 เท่า จากการปิดประเทศเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

สำหรับธุรกิจที่อยู่ในความสนใจที่พ่อค้าแม่ขายในตลาดออนไลน์นิยมนำมาไลฟ์สด มี 5 กลุ่มด้วยกัน ดังนี้

1.ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น

2.กระเป๋าแฟชั่น

3.ของกิน จำพวกอาหารสด ขนม น้ำพริก

4.GADGET อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

5.สินค้ามือสอง

ในส่วนของกลยุทธ์การเพิ่มยอดขายในการทำไลฟ์สด มีดังนี้

1.กำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

ดูว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร สินค้าและบริการที่จะขายคืออะไร การเลือกสไตล์กลุ่มลูกค้าถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการกำหนดว่ากลุ่มเป้าหมายจะอยู่ดูไลฟ์ของเราได้ยาวนานแค่ไหน เช่น รีวิวสินค้าประเภทกระเป๋าสำหรับวัยทำงาน ควรมีการพูดคุยเกี่ยวกับตัวสินค้า สี วัสดุทำมาจาก อายุการใช้งาน วิธีการเก็บรักษา โอกาสในการใช้ แทรกความรู้ของสินค้าเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้ดูเหมือนการตั้งใจขายสินค้าเพียงอย่างเดียว

2.เตรียมสคริปพูด

การพรีเซ็นท์ขายสินค้าต้องมีการเตรียมสคลิป ลำดับหัวข้อ สินค้าที่จะพูด เพื่อให้เราสามารถพูดคุยได้อย่างต่อเนื่องไม่ตกหล่น ไม่ข้ามประเด็นสำคัญ มีลำดับการโชว์สินค้า ตัวไหนออกก่อน-หลัง มีความสอดคล้องกับหัวข้อที่พูด

3. หาจุดเด่นมัดใจลูกค้า

ควรหาจุดเด่นของตัวเอง หาวิธีทำอย่างไรให้คนสนใจและจดจำ อยากที่จะติดตามการไลฟ์และซื้อสินค้าของเรา นำสินค้าเสนอผ่านเรื่องราว ลีลา ตามแบบฉบับของแต่ละคน และในขณะไลฟ์ ควรมีการจัดวางสินค้า ที่เป็นระเบียบ เพื่อสร้างแบคกราวด์ที่ดูสะอาดตา ง่ายต่อการหยิบสินค้าออกมาโชว์

4.อุปกรณ์ครบครัน

ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณอินเตอร์เน็ตต้องแรงพอ สะดวกต่อการใช้งาน ไม่เป็นอุปสรรค ไม่สะดุดในระหว่างไลฟ์ขายสินค้า เพื่อที่เราจะได้โฟกัสไปที่การขายอย่างเต็มที่

จะเห็นว่าไม่ว่าสินค้าจะเป็นในรูปแบบไหนมีลักษณะอย่างไร หากตรงกับจริตความต้องการของลูกค้าหรือผู้ซื้อที่มีความต้องการเป็นทุนเดิม แน่นอนว่าจะยิ่งช่วยให้คุณขายสินค้ามากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมของคุณว่ามีการวางแผนมาอย่างดีหรือไม่อย่างไร ที่สำคัญการไลฟ์สดต้องอาศัยความกล้า กล้าที่จะอธิบายบอกความเป็นตัวตนของคุณ เพราะในบางครั้งนอกจากสินค้าจะต้องดีแล้ว ผู้นำเสนอสินค้าจะต้องดูมีความน่าเชื่อถือด้วย เมื่อทุกอย่างลงตัว ก็เตรียมรับออเดอร์รับทรัพย์ให้รวยรุ่งกันได้เลย