ช่องทางการขายขนาดใหญ่ เป็นเสมือนประตูที่ช่วยสร้างโอกาสทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักและขายได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่การที่จะเข้าช่องทางการขายขนาดใหญ่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แถมคู่แข่งจำนวนไม่น้อยต่างมีความต้องการเช่นเดียวกัน อยู่ที่ว่าใครพร้อมก่อนจึงจะมีสิทธิ์ก่อน
ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการค้าขายกับช่องทางการขายขนาดใหญ่ จึงควรเตรียมความพร้อมใน 4 เรื่อง เมื่อนำสินค้าไปเสนอช่องทางขาย โดยมีดังนี้
1.สินค้ามีมาตรฐาน
สินค้าที่จะจัดจำหน่ายในช่องทางการขายขนาดใหญ่ต้องมีมาตรฐานที่จำเป็นรองรับ เช่น อย. มอก.เป็นต้น เพราะการมีมาตรฐานรองรับทำให้เจ้าของช่องทางเกิดความมั่นใจว่าสินค้าที่เข้ามาขายเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน คุณภาพต้องคงที่ เห็นในภาพแบบไหน สินค้าจริงต้องเป็นแบบนั้น รวมถึงต้องเป็นสินค้าถูกกฎหมายและไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
2.จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat)
ช่องทางการขายขนาดใหญ่ทำธุรกิจอย่างมีระบบจึงเลือกคบคู่ค้าที่มีระบบ นอกจากนี้การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มยังช่วยให้การทำธุรกิจมีความคล่องตัว ไม่มีปัญหาในเรื่องการตรวจสอบของกรมสรรพากร และยังใช้สิทธิ์ขอคืนภาษีได้ในกรณีที่ภาษีขายน้อยกว่าภาษีซื้อ
3.คำนวณต้นทุนให้เป็น
การค้าขายกับช่องทางการขายขนาดใหญ่มีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เช่น ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่ง ค่าวัตถุดิบ เป็นต้น จึงต้องวางแผนการผลิตให้ดี รวมทั้งต้องคำนวณราคาปลีก ราคาส่งต่างกันเท่าไหร่ หาจุดต่างของราคาให้ได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งช่วงปกติและช่วงโปรโมชั่น เพราะการผลิตที่มากขึ้น ต้นทุนต้องเพิ่มขึ้น หากไม่คำนวณหรือวางแผนให้ดี อาจส่งผลต่อการทำธุรกิจในระยะยาวได้
4.ทำงานอย่างมืออาชีพ
ผู้ประกอบการ SME ต้องรักษาคำพูด โดยเฉพาะเรื่องของเวลา และปริมาณสินค้าที่ตกลงไว้ นอกจากสร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจแล้ว ยังทำให้การทำงานเป็นระบบและช่วยวางแผนการผลิตสินค้าในอนาคตได้อีกทาง
ช่องทางการขายขนาดใหญ่ แม้จะเป็นช่องทางสร้างโอกาสการขายให้กับผู้ประกอบการ SME แต่อย่าลืมว่าโอกาสมักจะมาพร้อมความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเงินทุน ต้องเพียงพอต่อกำลังการผลิตที่มีปริมาณสูง สินค้าต้องมีคุณภาพมาตรฐานที่ดี และไม่ละเลยที่จะพัฒนาสินค้าให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพราะการพัฒนาทำให้สินค้าสามารถยืนหยัดอยู่ในช่องทางการขายขนาดใหญ่ได้อย่างยาวนาน