ในบรรดาธุรกิจที่เกิดขึ้นมากมาย ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงถูกยกให้เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ยังมีอนาคตสดใส อัตราการขยายตัวมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งตลาดยังคงเปิดกว้าง อันเนื่องมาจากพฤติกรรมนิยมเลี้ยงสัตว์ของมนุษย์ที่มีเพิ่มมากขึ้น
“ตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นทุกปีไม่ต่ำกว่า 10-15%” เป็นคำบอกเล่าของนายกสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์ เลี้ยงไทย “สิริญาพัทธ์ เทียนรุ่งศรี” ที่เชื่อว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ในทางกลับกันแนวโน้มตลาดยังอีกไกล ตราบใดที่สังคมไทยยังก้าวเข้าไปสู่สังคมเดี่ยวมากขึ้น สังเกตง่ายๆ จากการเกิดใหม่ของคอนโดมิเนียมที่สะท้อนวิถีคนโสด หรือครอบครัวขนาดเล็กที่ไม่นิยมมีลูกในยุคนี้ แต่กลับยอมลงทุนควักกระเป๋าเพื่อสัตว์เลี้ยง ที่รักเหมือนลูกอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่ายังไงค่าใช้จ่ายก็ย่อมน้อยกว่าอยู่ดี”
จากพฤติกรรมของผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ให้ความเอาใจใส่ดูแลสัตว์เลี้ยงตัวโปรดเป็นพิเศษ เสมือนสมาชิกคนสำคัญของครอบครัว ทำให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงขึ้นมากมาย กลายเป็นช่องทางโอกาสสร้างรายได้อย่างน่าสนใจ ว่าแต่จะเลือกลงทุนในธุรกิจประเภทไหน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และไม่เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ ลองมาดูตัวเลขมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงที่แบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ เพื่อใช้ประกอบในการตัดสินใจดังนี้
-
ธุรกิจประเภทอาหารสัตว์ มีมูลค่า 10,000 ล้านบาท
-
ด้านบริการรักษาพยาบาล มีมูลค่า 7,000 ล้านบาท
-
อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ มีมูลค่า 5,000 บาท
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนอัตราการเติบโตในธุรกิจสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นใครที่คิดจะลงทุน จึงไม่ควรมองข้ามธุรกิจสินค้าพื้นฐาน อย่างอาหารหรือธุรกิจบริการประเภทต่างๆ รวมถึงต้องให้ความสำคัญกับการตลาดออนไลน์ด้วย เพราะนับวันยิ่งทรงประสิทธิภาพในแง่ของเครื่องมือที่ทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว
เช็คความพร้อมก่อนลงทุน
จุดเริ่มต้นที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จได้นั้น คือการสำรวจความพร้อมของตัวเอง ซึ่งประกอบไปด้วย
-
มีใจรักสัตว์
-
รู้จักนิสัยสัตว์ชนิดต่างๆ ให้มากพอ
-
มีความมุ่งมั่นทุ่มเท
-
มีความซื่อสัตว์
-
ใจรักบริการ
-
สุดท้ายสิ่งที่สำคัญ คือ “เงินทุน”
ที่มา : Krugnsri, พ็อกเก็ตบุ๊ค กรูมมิ่ง ธุรกิจเสริมสวยสุนัข