ชินธิป บุญโชคหิรัญเมธา เปิดธุรกิจนี้ขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการของตนเองล้วนๆ ที่อยากได้ชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ของจักรยานเสือหมอบที่เหมาะกับตัวเอง ทั้งยังควบคุมงบประมาณได้ด้วย โดยชินธิปทำล้อและเฟรม
จักรยานที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง สั่งผลิตจากโรงงานคุณภาพในประเทศจีน ไต้หวัน และเวียดนาม จากนั้นนำมาขึ้นงาน พ่นสี และใส่ความครีเอทีฟด้วยช่างฝีมือไทย สามารถทำสีเฟรมตามที่ลูกค้าต้องการได้ด้วยการ Hand Painting
หรือพ่นสีด้วยมือ ซึ่งแตกต่างจากจักรยานในระบบอุตสาหกรรมที่ใช้วิธีติดสติ๊กเกอร์
ปัจจุบันราคาจักรยานเสือหมอบจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ 1. ระดับคุณภาพดีเยี่ยม กลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ แบบซูเปอร์คาร์ ราคา 300,000-400,000 บาท 2. ระดับรองลงมา รถแข่งไฮเปอร์ ราคา 100,000 บาทขึ้นไป 3. ระดับที่กลางลงมาอีก ราคาประมาณ 50,000-100,000 บาท 4. ระดับเริ่มต้น มีราคาตั้งแต่ 20,000-50,000 บาท
ชินธิปบอกว่าราคาเสือหมอบของ Nich Cycling ขึ้นอยู่กับลูกค้าตกแต่งอะไรเพิ่ม “เฟรม” เป็นสินค้าแพงที่สุด เทียบราคาเฟรมรุ่นท็อปในตลาด ถ้าเป็นแบรนด์นำเข้าจะขาย 150,000 บาท ถ้าแบรนด์ที่เป็น Mass จะมีราคาขายอยู่ที่ 70,000-80,000 บาท แต่ถ้าเป็นของแบรนด์ Nich Cycling ขายอยู่ที่ 36,000 บาท
โมเดลธุรกิจของเขาทำให้เหล่านักปั่นได้เป็นเจ้าของจักรยานเสือหมอบคุณภาพระดับไฮเอนด์ ในราคาที่ถูกกว่าเสือหมอบแบรนด์นำเข้าถึง 2-5 เท่า โดยเขาไม่คิดค่าประกอบ เพราะจะส่งทุกอย่างไปเป็นกล่องให้ดีลเลอร์หรือลูกค้าประกอบ คิดแต่ค่าวัสดุ ค่าฝีมือการพ่นสี หรือทำลวดลายตามความยากง่าย ถ้าอยากได้เสือหมอบคุณภาพราคาตลาด 70,000-100,000 บาท ถ้ามาสั่งทำแบบโคลนนิ่งกับ Nich Cycling จ่ายเพียง 30,000-50,000 บาท
“ลูกค้าของเราส่วนใหญ่ศึกษาหาความรู้เรื่องจักรยานประกอบมาในระดับหนึ่ง เขาจะระบุเลยว่าต้องการจักรยานไซส์นี้ เฟรมสีนี้ ล้อรุ่นนี้ ทุกอย่างเลือกได้หมด แม้แต่อะไหล่ชิ้นเล็กๆ เท่าที่เราจะหาให้ได้ ส่วนการดูแลลูกค้าที่มีความต้องการไม่เหมือนกัน ผมให้ความสำคัญกับการสื่อสารพูดคุยเป็นหลัก เราต้องเข้าถึงความต้องการของลูกค้าแต่ละคน บางคนไม่รู้เลยแต่อยากได้จักรยานประกอบ ก็ต้องมาหาคำตอบให้
ดังนั้นพนักงานของเราทุกคนจึงต้องมีความรู้เรื่องนี้อย่างมาก และต้องคุยให้จบตั้งแต่เริ่มจอง อยากเปลี่ยนก็ต้องรีบแจ้ง ก่อนที่เราจะไปรวบรวมอะไหล่ต่างๆ มาขึ้นงาน ซึ่งจักรยานแต่ละคันจะใช้เวลาประกอบประมาณ 1 เดือน ฉะนั้นลูกค้าทุกคนจะต้องอดทนรอ”ชินธิปเล่า
อย่างไรก็ดี ลูกค้ามีความต้องการร้อยแปดพันเก้า แต่ก็ใช่ว่าทางร้านจะต้องทำตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าไปเสียทั้งหมด ชินธิปบอกว่าการทำธุรกิจแบบ Tailor Made ต้องมีจุดยืนของตนเองด้วย เขาเบรกลูกค้าไปก็หลายครั้ง ต้องต่อสู้กับความเข้าใจผิดที่ว่าต่อๆ กันมา ด้วยประสบการณ์ความรู้ที่สั่งสม
ส่วนเรื่องการบริหารสินค้า เมื่อสินค้านับเป็น “ชิ้น” มิใช่เป็น “คัน” ชินธิปเลือกที่จะสต๊อกสินค้าเฉพาะยี่ห้อของตนเองเท่านั้น ส่วนอะไหล่ประกอบอื่นๆ จะใช้วิธีสั่งจากตัวแทนจำหน่ายในเมืองไทย เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและลดภาระเรื่องสต๊อก ในปีที่ผ่านมา Nich Cycling มียอดขายล้อและเฟรมจักรยานรวมกันประมาณ 500 ชิ้น
ปัจจุบันยอดสั่งทำจักรยานประกอบภายในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกระแสความนิยมปั่นจักรยาน ปีที่ผ่านมาชินธิปยังหาช่องทางขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยการรับออเดอร์ผ่านดีลเลอร์ในประเทศต่างๆ ชูจุดแข็งของ Nich Cycling เป็นแบรนด์ทางเลือกที่มีจุดขายตรงคุณภาพ ราคา และความสวยงามของงานฝีมือ
ผลตอบรับนับว่าเริ่มต้นได้สวย เขาผลิตจักรยานตามสั่งและส่งออกไปแล้วที่มาเลเซีย สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรเลีย สำหรับปีนี้เขาเน้นทำการตลาดผ่าน Online Store เพื่อเพิ่มยอดออเดอร์จักรยานประกอบแบรนด์ไทยมากขึ้นไปอีก
“Key Success ของธุรกิจนี้คือ ความไว้ใจ ความเชื่อถือ เราถึงสื่อสารสโลแกนออกไปว่า Try Before Trust ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าก็ฟีดแบ็คกลับมาว่าเขาเชื่อใจเราได้ สั่งสินค้าไปแล้วเกิดมีปัญหา เรารับผิดชอบหมด ไม่มีทอดทิ้ง เราพยายามทำให้ลูกค้าสบายใจที่สุดที่ได้ใช้สินค้าของเรา คู่ค้าก็เช่นเดียวกัน