นอกจากหลักสูตรที่ครอบคลุมและราคาค่าเรียนที่ไม่สูงแล้ว Bag & Spa Cleaning Club ยังมีอุปกรณ์ให้ครบเซ็ต ทำให้ลูกค้าสามารถนำกลับไปทำต่อได้เลย ลูกค้าที่มาเรียนจะได้รับการดูแลอย่างดีจากครูผู้มากประสบการณ์ ซึ่งในแต่ละห้องเรียนจะมีครู 6 คนต่อนักเรียน 12 คน ทำให้สามารถเรียนได้อย่างเข้าใจมากขึ้นและหากนักเรียนคนไหนที่เรียนไปแล้วอยากกลับมาทบทวนบทเรียนที่เคยเรียนก็สามารถกลับมาเรียนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
นพชลัยย์เล่าว่าทุกวันนี้ก็มีสปากระเป๋าจากต่างประเทศหลายเจ้าที่ส่งกระเป๋ามาทำที่ประเทศไทย ปัจจุบันแบรนด์ Bag & Spa Cleaning Club เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นจากกลุ่มลูกค้าผู้ใช้แบรนด์เนม ทำให้ธุรกิจเริ่มขยายไปสู่รูปแบบแฟรนไชส์สปากระเป๋าแบบครบวงจร ซึ่งเปิดตัวในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปัจจุบันมี 3 สาขา ได้แก่ สาขาชลบุรี ถนนเส้นเลี่ยงเมืองหนองมน สาขาเดอะไนน์ พระราม 9 และสาขาวัชรพล
รูปแบบแฟรนไชส์แบ่งออกเป็น 2 ขนาด คือ ไซส์ S ในราคา 350,000 บาท และ ไซส์ M ในราคา 500,000 บาท เงื่อนไขการซื้อแฟรนไชส์จะเป็นการซื้อขาดในครั้งเดียวแต่จะต้องจ่ายค่า Royalty Fee 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี สิ่งที่แฟรนไชส์จะได้รับคือ จะมีการออกแบบหน้าร้านให้ ดูทำเลให้ อบรมพนักงานให้ มีผลิตภัณฑ์ชุดแรกให้ และช่วยเหลือเรื่องการตลาด เช่น การประชาสัมพันธ์ต่างๆ
“ที่สำคัญมีโปรแกรมจัดหน้าร้านซึ่งเป็นโปรแกรมออนไลน์ที่เชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าผ่านทางอีเมล ลูกค้าจะรู้ว่าตอนนี้งานที่ลูกค้านำมาใช้บริการกับทางร้านมีความคืบหน้าไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ส่วนเจ้าของแฟรนไชส์เองก็สามารถดูยอดทั้งหมดได้ผ่านแอคเคาท์ส่วนตัว” นพชลัยย์เล่าถึงระบบออนไลน์ที่นำเข้ามาเสริมบริการของร้าน
ทั้งผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิแฟรนไชส์ครอบคลุมทั้งสปากระเป๋าเบื้องต้น ทำสี และซ่อมกระเป๋า โดย Bag & Spa Cleaning Club จะมีทีมช่างที่มีฝีมือและประสบการณ์กว่า 30 คน คอยดูแลงานซ่อม งานทำสี โดยค่าบริการเริ่มต้นจะอยู่ 500-5,000 บาท ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าแฟรนไชส์จากเมืองนอก โดยรายได้ของผู้ลงทุนจะมาจากการทำสปาประเป๋าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วจะได้กำไรราว 45,000 บาทต่อเดือน คืนทุนเร็ว 12-18 เดือน
ธุรกิจสปากระเป๋ามีโอกาสเติบโต และปัจจุบันยังมีคู่แข่งไม่มาก ในอนาคตจึงอยากจะพัฒนาสปากระเป๋าแบรนด์ไทยให้ไปสู่สากล ผู้ที่สนใจแฟรนไชส์ Bag & Spa Cleaning Club ติดต่อได้ที่โทร. 08-1825-0868, 09-1736-0808