ตุลยวัตเล่าว่าเมื่อปี 2547 ได้เปิดร้านขายโทรศัพท์ ในยุคสมาร์ทโฟนกำลังได้รับความนิยมธุรกิจเติบโต จนสามารถขยายร้านได้ 4 สาขา แต่จุดพลิกผันทางธุรกิจของเขาก็เกิดขึ้น เมื่อผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเริ่มมีการทำโปรโมชั่นการย้ายค่าย ให้ส่วนลดค่าเครื่องเมื่อเปิดใช้บริการตามสัญญาต่างๆ ทำให้ราคามือถือถูกลงหลายพันบาท
“ช่วงนั้นก็เลยเกิดวิกฤติว่าเราไม่สามารถลดราคาเท่าโอเปอเรเตอร์ได้ ทำให้ยอดขายเราน้อยลงเราลงทุนไป 4 สาขา แต่ละสาขาก็ขาดทุนไปเดือนละ 2 แสน เป็นอย่างนั้นมา 2 ปี”
ตุลยวัตต้องหาทางออกให้กับธุรกิจ ซึ่งขณะนั้นในร้านมีฟิล์มค้างสต๊อกอยู่มาก เลยมองเห็นว่ามันสามารถต่อยอดได้ เพราะขายได้ในราคาถูกและเข้าถึงง่าย ต้นทุนไม่สูง จึงเริ่มศึกษาวิธีการตัดฟิล์มให้เข้ากับทุกหน้าจอ จากนั้นก็เริ่มออกบูธที่ตึกคอมชลบุรี โดยเปิดขายฟิล์มทุกรุ่นในราคา 49 บาท ทำยอดขายได้กว่า 5,000 บาท แต่ก็ต้องเสียค่าเช่าสถานที่ 5,000 บาท นั่นเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องใช้ช่องทางใหม่อย่าง “ตลาดนัด” ในการเปิดร้านเพื่อลดต้นทุน และยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เช่นกัน
บริการของร้านฟิล์มถูกดีมีฟิล์มที่สามารถติดได้กับมือถือทุกรุ่นทุกยี่ห้อ สามารถตัดให้เข้ากันได้กับทุกหน้าจอราคาเริ่มต้นที่49 บาทรวมไปถึงหน้าจอโน้ตบุ๊กโทรทัศน์กล้องถ่ายรูปมี ฟิล์มทั้งแบบใส แบบด้าน แบบกระจก แบบเพชร และแบบถนอมสายตา
ในส่วนรูปแบบของแฟรนไชส์ Full Set ลงทุน 39,900 บาท จะได้รับคีออสก์อุปกรณ์การตั ดและติดฟิล์ม ได้แก่ ที่เจาะรูกล้อง รูลำโพง กรรไกรสำหรับตัดฟิล์ม น้ำยาเช็ดจอ และฟิล์มทุกประเภท สำหรับให้บริการที่สามารถขายได้ประมาณ 6-7 หมื่นบาท ผลกำไรจากการขายสินค้าราว 600% ของต้นทุนต่อหน่วยในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน
ปัจจุบันฟิล์มถูกดีมีทั้งหมด 200 สาขาทั่วประเทศ ตุลยวัต บอกว่าเป้าหมายต่อไปของฟิล์มถูกดี จะใช้กลยุทธ์การตลาดแบบเครือข่าย อาศัยการบอกต่อธุรกิจเพื่อขยายแฟรนไชส์ให้ได้ 600 สาขาภายในปีนี้ ด้วยการเปิดลงทุนเพียง 5,990 บาท จะได้รับพวกอุปกรณ์และฟิล์มสำหรับเปิดธุรกิจ โดยแฟรนไชซีที่ซื้อธุรกิจแบบ Full Set 39,000 บาทไปจะสามารถหาลูกค้าแบบ 5,900 บาทได้ยิ่งหาได้มากก็ยิ่งได้ผลตอบแทนสูงตามจำนวน จากทางบริษัทแม่ และในอนาคตหวังให้คนที่ซื้อ 5,900 บาท เพิ่มทุนตัวเองไปสู่รูปแบบแฟรนไชส์นั่นเอง