Search Results for:

เทคนิคเขียนแคปชันเป็นกลยุทธ์การขายของผ่านช่องทางออนไลน์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้ออย่างมาก เพราะนี่วิธีทางการตลาด เป็นการโฆษณาโดยใช้ข้อความเป็นจุดขาย เรามักจะพบเห็นได้ตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ Facebook, IG หรือ TikTok และแคปชันที่ดีก็จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาสั่งซื้อสินค้าของเราได้เป็นอย่างดี ชี้ช่องรวยเลยจะพาไปดูหน่อยว่าการเขียนแคปชันที่ดีจะเขียนออกมาให้ขายสินค้าได้อย่างไร 1.โดดเด่น แตกต่าง สะดุดตา แคปชันที่ดีต้องมีความเด่น เห็นแล้ว “เอ๊ะ!” สื่อสารถึงคนอ่านได้จริง ถ้าโพสต์แคปชั่นไปแล้วลูกค้าไม่สะดุดตา ก็คงหมดโอกาสในการขาย ดังนั้นแคปชั่นขายของของคุณจำเป็นต้องน่าสนใจ กระตุ้นให้คนอ่านไลค์ แชร์ และคอมเมนต์ เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะคิดนอกกรอบและแตกต่าง อย่าลืมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของโพสต์ด้วยว่าโพสต์แบบไหนที่ลูกค้าให้ความสนใจ กลุ่มลูกค้าเป็นสไตล์ไหน ถ้าลูกค้าชอบแนวตลกหน่อย จะเขียนขายให้กวน ๆ ฮา ๆ หน่อยก็จะยิ่งสนุก แต่ถ้าลูกค้าเป็นสายจริงจังก็ต้องพกพาข้อมูลที่แน่นให้น่าเชื่อถือสักหน่อย 2.จั่วหัวให้โดน ปกติแล้วคนเราจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วินาทีดูและอ่านโพสต์ก่อนจะเลื่อนผ่านไปโพสต์อื่น ๆ นั่นก็เพราะคนส่วนใหญ่มักจะสมาธิสั้นขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ถ้ากำลังเปิดตัวสินค้าใหม่ ก็เปิดแคปชั่นให้ปังให้ลูกค้ารู้ไปเลย หรือถ้ามีแคมเปญแจกของฟรี ก็ต้องกล่าวให้ชัดในแคปชั่นพร้อมตั้งกฎกติกาให้เคลียร์ สิ่งที่สำคัญเลยในการเขียนแคปชั่นขายของก็คือ เขียนให้ลูกค้าอยากอ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งแคปชั่นสั้นมากเท่าไหร่ ยิ่งโดนเท่านั้น ที่สำคัญควรใช้คำที่สื่อสารกับลูกค้าโดยตรง เช่น ไลก์, คุณ, ของคุณ […]

ธุรกิจร้านอาหาร เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มองไปทางไหนก็มีแต่คนอยากเปิดร้านอาหารกันเต็มไปหมด เพราะรู้ว่ายังไงก็มีลูกค้ามากพอจะไปต่อได้ แต่ก็มีข้อควรระวังร้ายแรงที่ไม่ควรมองข้าม จะมีอะไรบ้างไปดูกัน   1.ขายดีช่วงแรกใช่ว่าจะดีตลอด ในรายของคนทำธุรกิจอาหาร ถ้าไม่ได้ทำพลาดจนต้องปิดตัวแต่เริ่มก็มักจะขายดีหรือขายได้เรื่อย ๆ ยิ่งช่วง 6 เดือนแรกถ้าเป็นกระแสก็คงยอดขายถล่มเป็นพิเศษ และเมื่อมาขนาดนี้หลายคนก็เลือกเปิดสาขาสองทันทีเพราะเห็นแล้วว่ากำไรมา แต่นั่นแหละคือ “กับดัก” ชั้นดีเลยทีเดียว สิ่งที่คุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนขยายสาขาคืออลูกค้าที่เข้ามาร้านคุณช่วงแรกนี้มาเพราะมาทานแล้วกลับมาทานร้านคุณอีก หรือแค่อยากมาลองเพราะเป็นร้านเปิดใหม่หรือเป็นกระแสในช่วงนั้น เพราะมีร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่ขายดีมากในช่วงปีแรกแต่สุดท้ายต้องปิดตัวไปในปีต่อมา คุณควรรอให้ร้านของคุณผ่านขวบปีแรกไปก่อน แล้วนั่งสังเกตแนวโน้มยอดขายว่าเป็นอย่างไร  วันนั้นคุณถึงเริ่มคิดจะขยายสาขาสองก็ยังไม่สาย   2.การมีสาขาสองนั้นวุ่นวายมาก ตอนที่ร้านมีสาขาเดียวยังไม่ค่่อยวุ่นวาย คุณสามารถโฟกัสการแก้ปัญหาภายในร้านได้อย่างเต็มที่ ถ้าคุณติดธุระก็สามารถเอาพ่อแม่ เพื่อน พี่น้อง มาช่วยดูแทนก่อนได้ แต่พอมีสาขามากกว่านั้นก็กลายเป็นคนละเรื่องกันเลย จะเริ่มมีข้อเปรียบเทียบแล้วว่าทำไมสาขานี้ดีกว่าอีกสาขาหนึ่ง ทำไมคุณภาพไม่เท่ากัน ทำไมที่นี่บริการแย่กว่า หลายร้านเลยใช้วิธีแยกบริหาร หุ้นส่วนคนนี้ดูสาขานึงอีกคนดูอีกสาขานึง ซึ่งถือเป็นวิธีที่ผิดมาก คุณไม่สามารถขยายสาขาตามจำนวนหุ้นส่วนหรือสมาชิกในครอบครัวได้ เพราะสุดท้ายแต่ละสาขาจะมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความไม่มีมาตรฐานและทำให้ลูกค้าเลิกทานร้านคุณในที่สุด ถ้าคุณอยากรู้ว่าร้านของคุณมีระบบหรือไม่ อยากให้คุณลองไม่เข้าร้านเลยสักสองอาทิตย์หรือเดือนนึง ถ้าร้านยังสามารถเดินต่อไปได้โดยไม่มีปัญหา นั่นคงเป็นสัญญาณให้คุณขยายสขาได้เลย   3.สาขาเยอะ = กำไรน้อย ยิ่งคุณมีสาขามากขึ้นแน่นอนคุณอาจจะได้วัตถุดิบในราคาที่ถูกลงของราคาที่คุณซื้ออยู่ก็จริง แต่คุณจะมีค่าใช้จ่ายอีกหลายๆอย่างตามมา ทั้งค่าพนักงานส่วนกลางเช่น บัญชี จัดซื้อ […]

การเลือกหุ้นส่วนหรือพาร์ทเอนร์เป็นสิ่งสำคัญมากในการเริ่มธุรกิจ พาร์ทเนอร์ที่ดีจะช่วยกันประคับประคอง คุมหางเสือธุรกิจให้ไปในทิศทางที่ถูกต้องและควรจะเป็นได้ ดังนั้นต้องวาดภาพในหัวก่อนเลยว่าอยากได้คู่หูในการทำธุรกิจแบบไหน 1.เลือกคนที่คิดแบบเดียวกัน การทำธุรกิจ ยิ่งมีคนที่คิดแบบเดียวกัน มองภาพเดียวกัน โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้บริหารร่วมกันแล้วจะยิ่งดี เพราะเราต่างมองภาพเดียวกัน อยากทำเรื่องที่คล้ายกัน นั่นทำให้ดำเนินการบริหารธุรกิจได้ง่าย พูดคุยง่าย ทำงานได้อย่างราบรื่น 2.เลือกคนที่ทำงานหนัก การเริ่มต้นทำธุรกิจในช่วงแรกไม่มีคำว่าง่าย ต้องพยายามให้หนักและพยายามให้มากกว่าคนอื่น ดังนั้นเราจะทำงานหนักอยู่คนเดียวไม่ได้ พาร์ทเนอร์ก็ควรที่จะต้องลงมือทำด้วยกันและทำงานให้หนักเหมือนกันด้วย เพราะแบบนี้เราถึงเป็นคู่หูกัน ถ้าจะมาเป็นภาระก็ตัดออกไปดีกว่า 3.เลือกคนทีทำงานเป็นทีมเป็น ธุรกิจจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้หากขาดการทำงานเป็นทีม ทั้งเราและเขาจำเป็นต้องมีทักษะที่ทำงานกับผู้อื่นได้ อาจจะลองใช้ประสบการณ์ที่เคยทำงานหรือใช้เวลาร่วมกันในการพิจารณาว่า เขาต้องเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับทีมมาก่อนตัวเองเสมอ นึกถึงทีมก่อนเสมอ เช่น มีการคุยงาน ระดมความคิด กำหนดเป้าหมายกับทีมเสมอ สนับสนุนให้ทีมทุกคนรู้หน้าที่ของตนเอง คอยช่วยเหลือทีมทุกคนอย่างเต็มที่ และที่สำคัญคือ เขาจะมีความคิดว่าถ้าเขาหายไปหรือเขาทำงานไม่สำเร็จ เขาจะเลือกไม่ทำในสิ่งนั้นเลยตั้งแต่แรกเพราะจะต้องทำให้ทีมคนอื่น ๆ ต้องทำงานเพิ่มขึ้นในส่วนของเขาแทน 4.เลือกคนที่เห็นใจผู้อื่น คนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมักจะเข้าใจถึงปัญหาของผู้อื่นก่อนเสมอ และไม่ตัดสินผู้อื่นผ่านมุมมองของตนเองเพียงฝ่ายเดียว ผู้ที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เขาจะคิดถึงความต้องการของลูกค้าก่อนเสมอ  คิดว่าพวกเขาเจอปัญหาอะไรอยู่ ปัญหานั้นส่งผลต่อการใช้ชีวิตของคนเหล่านั้นมากแค่ไหน เราจะสร้างผลิตภัณฑ์อะไร รูปแบบไหนมาช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างดีที่สุด หากคุณเจอคนแบบนี้ถือว่าดีมาก ๆ 5.เลือกคนที่ไม่กลัวปัญหา การทำธุรกิจไม่มีทางที่จะไม่เจอปัญหา ทำอย่างไรปัญหาก็จะเข้ามาเรื่อย ๆ ทั้งเขาและตัวเราต้องไม่ย่อท้อต่อปัญหา และควรที่จะมีทักษะการแก้ปัญหาที่ดีด้วย […]

งานการทำบัญชีเป็นงานที่อาศัยความละเอียด รอบคอบ และซื่อสัตย์สูงมาก อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องทำให้แน่ใจที่สุดว่าจะไม่ผิดพลาด หากพลาดไปนิดเดียวก็อาจเป็นรอบร้าวเล็ก ๆ ของธุรกิจได้เลย วันนี้เราจะมาดูกันว่า มีวิธีอะไรกันบ้างที่ช่วยให้คุณจัดการเรื่องบัญชีในธุรกิจได้อย่างถูกต้อง 1.สร้างบัญชีให้เข้าใจง่าย เรื่องเงินทองเป็นเรื่องสำคัญมากในธุรกิจ เพราะนั่นคือสินทรัพย์ ทรัพย์สิน กำไรและรายได้ของเราทั้งหมด ดังนั้นบัญชีต้องดูเป็นระบบ เป็นระเบียบ อ่านแล้วเข้าใจง่าย หัวเรื่องชัดเจน ไม่สับสนว่าเงินส่วนนี้คืออะไร ได้มาอย่างไรและใช้จ่ายไปที่ไหน รายละเอียดที่ควรมี เช่น วันที่ รายรับ-รายจ่าย ชื่อผู้ทำรายการ คำอธิบายหรือหมายเหตุ เป็นต้น 2.บันทึกบัญีตามลำดับเหตุการณ์ การบันทึกบัญชีที่ดีควรเรียงตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่สลับเวลาไปมาให้สับสนเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้จากความงงของตัวเอง อีกทั้งยังง่ายต่อการตรวจสอบย้อนหลังอีกด้วย 3.ใครแก้ต้องลงชื่อ ไม่ว่าจะล้ำยุคด้วยการสรุปบัญชีลงโปรแกรมต่าง ๆ หรือใช้กลวิธียุคดึกดำบรรพ์อย่างการจดบันทึกเอาก็ตาม เมื่อมีข้อผิดพลาดการบันทึกหรืออื่น ๆ ก็ตาม จะต้องลงชื่อกำกับทุกครั้งเพื่อให้ตรวจสอบได้ว่าแก้เมื่อไรและโดยใคร เพราะเมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือต้องการตรวจสอบย้อนหลังจะสามารถตามได้ว่าใครเป็นผู้แก้ไขบัญชี 4.แยกประเภทหมวดหมู่ เรื่องการเงินนั้นแบ่งออกไปได้หลายประเภท แน่นอนว่ารายรับ-รายจ่ายของธุรกิจไม่ได้มาแต่หมวดหมู่เดียวแน่นอน ไม่ว่าจะใบเสร็จค่าจิปาถะอย่างค่าน้ำ ไฟ โทรศัพท์ก็ต้องแบ่งประเภท รวมไปถึงค่าต้นทุนตรงและแฝงต่าง ๆ ทางด้านรายได้ก็ต้องมีบันทึกใบเสร็จที่ออกให้ลูกค้าด้วยว่าลูกค้าซื้ออะไรบ้าง จัดเป็นหมวดหมู่ให้ชัดเจนเพื่อการตรวจย้อนหลังที่ง่ายขึ้น 5.ทุกแบบนี้ทุกเดือน ทุกสิ้นเดือนให้ทำสรุปบัญชีว่าในแต่ละเดือนนั้น ๆ ผลประกอบการเป็นอย่างไร รายรับ-รายจ่ายผันผวนหรือไม่ […]

Brand Story เป็นเหมือนหน้าหนังสือ เรื่องย่อ หรือคำนำที่จะบอกเล่าเรื่องราวว่า ธุรกิจนี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เริ่มต้นตั้งแต่แรกมาอย่างไร ใช้แนวคิดอะไรในการสร้างองค์กร การฟันฝ่ากับวิกฤตต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่น แนวทางการทำธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือการบอกเล่าจุดยืนของแบรนด์ในการแก้ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อ่านเกิดการรู้จักและจดจำแบรนด์ไปในทางที่ดี จะมีอะไรบ้างไปดูกัน! 1..เข้าใจง่าย ไม่วกวน ไม่งุนงง การเล่าเรื่องที่ดี เริ่มมาจากการวางโครงเรื่องที่ดี เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน โดยจะต้อง เล่าเรื่องตามลำดับเวลา มีบทเกริ่นนำ ตามด้วยเนื้อหาหลัก และจบด้วยบทสรุปที่น่าจดจำ 2.สร้างจุดเด่นให้น่าจดจำ การเล่าเรื่องแบรนด์ตัวเองเหมือนกับกับการทำคอนเทนต์ไม่มีผิด เพราะต้องมีการเล่าให้มีเอกลักษณ์ น่าจดจำ สร้างความโดดเด่นให้อยู่เหนือกว่าคู่แข่ง หากแบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างตรงจุดก็จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้อีกทางหนึ่ง ยิ่งลูกค้าจดจำเราได้มากเท่าไร ยิ่งเป็นประโยชน์ในระยะยาว 3.สร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า การเล่าเรื่องนั้นต้องมีทั้งความจริง ความจริงใจ และตรงประเด็นเพื่อการสื่อสารที่ตรงจุดกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เมื่อลูกค้าอ่านแล้วรู้อิน มีอารมณ์ร่วมมากเท่าไร จะทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกร่วมกับแบรนด์มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเป็นเรื่องราวความยากลำบาก ดราม่าสักหน่อย เล่าว่ากว่าจะประสบความสำเร็จต้องผ่านอะไรมาบ้าง จะยิ่งเห็นผลดี 4.กระตุ้นการตัดสินใจ หลังจากที่ลูกค้ารู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับแบรนด์แล้ว ต่อมาที่จะเกิดขึ้นคือ ความภักดีต่อแบรนด์ หรือ Brand Loyalty เพราะความน่าเชื่อถือ ประวัตติต่าง ๆ […]