ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

แฟรนไชส์สะดวกซัก Otteri Wash & Dry ลงทุนครั้งเดียว เกินคุ้ม


ร้านสะดวกซัก อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย (Otteri Wash & Dry) ธุรกิจแฟรนไชส์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่จะสามารถสร้างยอดขายให้กับผู้ลงทุนเป็นกอบเป็นกำ จากพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบันที่มีแต่ความรีบเร่ง และต้องการความสะดวกสบาย โดยเฉพาะในเรื่องของการซักเสื้อผ้า หากมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญตามแหล่งชุมชนคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

แฟรนไชส์อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย (Otteri Wash & Dry) บริหารงานโดย คุณกวิน นิทัศนจารุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของธุรกิจร้านสะดวกซัก เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีผู้มาใช้บริการจำนวนมากและต่อเนื่องถือเป็นแฟรนไชส์ที่น่าจับตามองแบรนด์หนึ่ง

“บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 เริ่มแรกเราก็ขายพวกเครื่องซักผ้าอุตสาหกรรม เครื่องอบผ้าอะไรพวกนี้นะครับ ลูกค้าเราก็คือกลุ่มโรงแรม โรงพยาบาลและโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก เราก็ทำอยู่ 2-3 ปี จนเราเริ่มรู้สึกว่าธุรกิจเรามันได้รับผลกระทบอะไรบางอย่าง เพราะเครื่องของเราสั่งมาจากประเทศจีน ทีนี้คนอื่นที่เป็น User ก็ติดต่อเอาเครื่องมาขายเหมือนเราได้เช่นกัน เราเลยมองว่าหากทำอยู่เหมือนเดิมคงไปไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากเดิมที่เรามองแค่ตลาด B2B เราก็หันมามองตลาด B2C มาขึ้น เราเลยเปิดร้านสะดวกซักขึ้นมา”

สำหรับแนวคิดการทำร้านสะดวกซักนั้น “คุณกวิน” ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางท่องเที่ยวที่ต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 3-4 ปีก็ขยายบริการร้านสะดวกซักไปได้กว่า 2,000 สาขา นี่จึงทำให้เขามองเห็นช่องทางของการนำโมเดลธุรกิจแบบนี้มาทำในเมืองไทยบ้าง

สำหรับคอนเซปท์ของร้านจะถูกเนรมิตให้ออกมาในสไตล์ญี่ปุ่น โดยใช้ตัวนากหรือ Otter มาเป็นสัญลักษณ์ของร้าน และเติม -i เข้าไปจึงกลายมาเป็นชื่อแบรนด์ Otteri ให้มีกลิ่นความเป็นญี่ปุ่นตามรสนิยมของคนไทย ตัวการ์ตูนเน้นความน่ารัก สดใส การออกแบบร้านแต่ละแห่งของอ๊อตเทริก็เน้นการใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ภายในร้านสะดวกซัก อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย จะมีทั้งเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าจำนวนมาก ทุกอย่างในร้านลูกค้าสามารถทำได้อย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง ผ่านระบบการหยอดเหรียญ โดยความพิเศษของเครื่องซักผ้าในร้าน คือ ใช้เวลาซักเพียง 30 นาที และมีเครื่องอบผ้าที่ทำให้ผ้าแห้งสนิทได้ทันที ด้วยหลักการทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคนี้ ทำให้ร้านได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

“เราลงไปศึกษาจนรู้ว่าผู้บริโภคไม่มีเวลา บางคนต้องทำโอที ต้องเลี้ยงลูก การซักผ้าเลยกลายเป็นภาระ บางคนที่มีพอมีกำลังก็เลือกใช้บริการร้านซักอบรีด บางบ้านที่ไม่มีกำลังก็ต้องซักเองที่บ้าน หรือก็มาใช้เครื่องหยอดเหรียญ เราจึงตอบโจทย์ตรงนี้ได้ เพราะแทนที่คุณจะใช้เวลาวันอาทิตย์ทั้งวันในการซักผ้า คุณก็เอาผ้าทั้งอาทิตย์ของคุณมาซักกับเราได้ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวเสร็จ”

ร้าน อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย แบ่งลูกค้าออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

1.กลุ่มประชากรแฝง หรือกลุ่มคนที่มาจากต่างถิ่นซึ่งอาศัยอยู่ตามหอพัก อพาร์ทเม้นท์ คอนโดฯ ที่มีพื้นที่จำกัด คนกลุ่มนี้จะย้ายที่อยู่บ่อยและไม่มีเครื่องซักผ้าไว้ในห้อง คนกลุ่มนี้จึงต้องใช้เครื่องซักผ้าส่วนกลาง และเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของร้านสะดวกซัก

2.กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ที่อาศัยอยู่ตามหอพักใกล้ๆ สถานศึกษาต่างๆ

3.กลุ่มคนทั่วไป ที่อาศัยอยู่ในบ้าน

4.กลุ่มนักท่องเที่ยว ที่บางครั้งก็ไม่อยากส่งซักกับโรงแรมที่พักเนื่องจากมีราคาแพงมาก ร้านสะดวกซักจึงเป็นทางเลือกที่ถูกกว่า

อย่างไรก็ตาม กว่าจะประสบความสำเร็จมายืนอยู่ตรงนี้ได้ “คุณกวิน” บอกว่าผ่านการลองผิดลองถูกและล้มเหลวกับการเปิดร้านสาขาแรกในชื่อแบรนด์อื่นมาแล้ว จากการที่ประเมินกลุ่มลูกค้าผิดพลาดและยังไม่รู้จักตลาดดีพอ หลังจากก้าวแรกในตลาด B2C ที่ไม่ค่อยสวยงามนัก เขาจึงเข้าอบรมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อยกระดับศักยภาพของตนเอง รวมถึงการวางแผนให้แบรนด์กลายเป็นแฟรนไชส์ที่เข้มแข็งได้

“เราปรับแนวทางของร้านใหม่โดยให้อ๊อตเทริเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนเมืองมากขึ้น พร้อมพัฒนาระบบควบคู่กันไป หลังจากสาขาแรกเพียงไม่นาน ร้านสะดวกซักอ๊อตเทริก็ขยายออกไปถึง 19 สาขา และล่าสุดมีจำนวนสาขาทั่วประเทศประมาณ 125 แห่ง โดยสัดส่วนสาขาของบริษัทและแฟรนไชซีอยู่ที่ 1 ต่อ 5 ซึ่งเราคาดว่าในอนาคตสัดส่วนของร้านแฟรนไชส์จะเพิ่มขึ้นได้อีกมาก แม้จะประสบความสำเร็จในการขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว แต่อ๊อตเทริก็ไม่ได้หยุดพัฒนา ล่าสุดได้มีการนำระบบ Payment ที่ลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านมือถือได้เลย ขั้นต่อไปคุณกวินอยากจะให้ลูกค้าสามารถนำคะแนนสะสมจากบัตรต่างๆ มาใช้เป็นค่าซักผ้าได้ด้วย”

และในฐานะผู้นำของตลาดร้านซักผ้า “คุณกวิน” ชี้ว่าแบรนด์อ๊อตเทริสามารถเป็นผู้กำหนดราคาค่าบริการมาตรฐานในตลาดได้ โดยปัจจุบันค่าบริการเริ่มต้นอยู่ที่ 40 บาท และค่อนข้างยากที่คู่แข่งรายอื่นจะมาทำราคาสูงกว่าออกมาได้

สำหรับใครที่อยากจะลงทุนเปิดร้านสะดวกซักกับอ๊อตเทริ ”คุณกวิน” มีคำแนะนำไว้ดังนี้

“อันดับแรกต้องมีเงินลงทุนก่อนที่จะสามารถมาวาง Down Payment และเริ่มงานด้านอื่นได้ เรามีสนับสนุนด้านเงินทุนจากธนาคารให้ แต่คุณต้องไม่มองธุรกิจนี้เป็น Passive Income บางคนคิดว่าร้านแบบนี้ไม่ต้องมีคน ให้เครื่องมันรันไปเอง แต่จริงๆ ไม่ใช่ คุณต้อง Active ธุรกิจนี้ขึ้นมา คุณจะรอให้เงินเข้ามาอย่างเดียวมันเป็นไปไม่ได้ คุณต้องทำให้ร้านไปได้ด้วย เช่น คุณต้องเข้าร้านทุกวัน ต้องทำความสะอาด พูดคุยกับลูกค้า ดูแลเครื่องจักร แต่ทั้งนี้คุณไม่ต้องทำงาน 8 ชั่วโมง คุณจะใช้เวลาหลังเลิกงานวันละ 2-3 ชั่วโมงมาดูแลร้านก็ได้”

แฟรนไชส์ร้าน อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย จะเริ่มต้นที่ 2,300,000 บาท มีเครื่องซักผ้าให้ 5 เครื่อง เครื่องอบผ้า 2 ชั้น 2 เครื่อง มีเครื่องขายผงซักฟอก เครื่องแลกเหรียญ มีการวางระบบ Online ให้ในแต่ละสาขา สามารถเช็คได้ว่ามีเงินอยู่ในเครื่องต่างๆ เท่าใดบ้าง สำหรับระยะเวลาการคืนทุนอยู่ที่ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งร้าน โดยคุณสามารถให้บริษัทมาตรวจดูทำเลที่สนใจหรือเลือกจากทำเลที่บริษัทมีอยู่ก็ได้เช่นกัน สำหรับแฟรนไชซีของอ๊อตเทริ จะได้รับอบรมด้านการตลาด และความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรภายในร้านทั้งหมด โดยบริษัทเองก็จะทำการตลาดในลักษณะภาพรวม เช่น ทำป้ายโฆษณากลางแจ้งหรือทำสื่อโฆษณาบนรถประจำทาง ช่วยอีกทางหนึ่งด้วย
ข้อได้เปรียบของร้านสะดวกซักอ๊อตเทริ คือ การที่ใช้เครื่องจักรทำงานทั้งหมด คุณแทบไม่จำเป็นต้องมีพนักงาน หรือเสียเงินค่าวัตถุดิบอย่างอื่น มีรายจ่ายหลักๆ แต่ค่าน้ำและค่าไฟเท่านั้น อีกทั้งเครื่องจักรก็ทำงานออกมาเป็นมาตรฐานเหมือนกันทุกสาขา คุณจึงไม่ต้องกังวลกับเรื่องมาตรฐานของร้านตัวเอง

ร้านสะดวกซัก อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย นับเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสูงมาก และแทบไม่ต้องพึ่งพากับสภาวะเศรษฐกิจเลย เนื่องจากไม่ว่าจะอย่างไรคนก็ยังต้องซักผ้าทุกวัน และยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ร้านก็กลายเป็นทางเลือกของคนที่ต้องการประหยัดค่าซักผ้ามากขึ้นจนเติบโตได้ถึง 500% ในปีที่ผ่านมา นับว่าน่าสนใจมากจริงๆ

สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 088-242-4262 (คุณโบ๊ะ) หรือ 094-655-5491 (คุณคิม)

ID line : @otteriwashdry

www.otteriwashdry.com

www.knexcorp.com

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : สมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ (FLA)