เมื่อพูดถึงธุรกิจเครื่องดื่มมาแรง หลายคนมักนึกถึงร้านชา-กาแฟ แต่ขณะเดียวกันร้านม็อกเทล ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังได้รับความสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มหอมหวานที่ให้ความสดชื่น คลายร้อน
ครั้งนี้ จึงขอพาไปดูกลยุทธ์ความสำเร็จของ ร้านมินิบาร์ น้ำม็อกเทลอินเตอร์ ธุรกิจที่ก่อร่างสร้างตัวมาจากเงินลงทุนเพียงหลักหมื่น แต่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 8 ปี
คุณเปิ้ล พรนิภา ชวนิชย์ เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ มินิบาร์ น้ำม็อกเทลอินเตอร์ เล่าว่า ก่อนจะมาทำธุรกิจนี้ ตนเองเป็นพนักงานธนาคารมาก่อน ขณะนั้นอายุ 20 กว่าปี แต่มีเงินเดือนหลักแสน ซึ่งก็ถือว่าสูงมาก แต่ด้วยความต้องการมั่งคั่งมั่นคงกว่านี้ จึงตัดสินใจลาออกมาเปิดร้านมินิบาร์ เนื่องจากมองว่าตลาดน้ำม็อกเทลยังแข่งขันไม่สูงมากเท่ากับธุรกิจเครื่องดื่มอื่น ๆ อย่างชา-กาแฟ ที่มีจำนวนไม่น้อยต่างทยอยปิดกิจการ พร้อมกันนี้ก็ได้พัฒนาน้ำผลไม้สำหรับผสมม็อกเทลสูตรต่าง ๆ กว่า 15สี 15 รสชาติ ซึ่งเป็นการผสมผสานน้ำผลไม้ โซดา น้ำอัดลม และไซรัปหลากหลายกลิ่น ให้ผู้ลงทุนสามารถปรุงสูตรเครื่องดื่มให้มีรสชาติคงเส้นคงวา พร้อมเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น
ช่วงแรกที่เข้ามาทำธุรกิจนี้ หลังจากว่างงานมาเกือบปีได้นำเงินก้อนสุดท้าย 10,000 บาท มาลงทุนจนหมด แต่ด้วยความเป็นคนพูดเก่ง หลายคนจึงให้เครดิตและยอมทำงานให้กับเราก่อน ในวันแรกที่เปิดร้านสามารถทำยอดขายได้กว่า 3,000 บาท วันต่อมา 7,000 บาท ทำให้หลังจากเปิดร้านเพียง 2-3 วัน ก็สามารถคืนทุนได้ นั่นเพราะว่าในการขายแต่ละแก้ว หลังจากหักค่าวัตถุดิบและแพ็คเกจจิ้งแล้วจะสามารถทำกำไรได้สูงถึง 64% เลยทีเดียว
ปัจจุบันมินิบาร์ น้ำม็อกเทลอินเตอร์ เปิดมาแล้ว 8 ปี ขยายธุรกิจไปแล้ว 265 สาขา หัวใจของความสำเร็จมองว่ามาจากการวิ่งเข้าหาโอกาส และไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ ที่สำคัญคือตัวน้ำผลไม้ที่พัฒนาสูตรเองมาอย่างลงตัวและมีโรงงานผลิตให้กับแบรนด์โดยเฉพาะ จึงได้รสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ทั้งยังไม่มีสารเคมีเจือปน และเมื่อผสมเป็นน้ำม็อกเทลจะได้ความหอมละมุน เหมือนกับการใช้น้ำผลไม้เข้มข้นเกรดพรีเมียมตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โดยทางร้านจะขายส่งให้เฉพาะผู้ที่ลงทุนกับมินิบาร์ น้ำม็อกเทลอินเตอร์เท่านั้น ใครที่ไม่ได้เป็นแฟรนไชส์ซีก็จะไม่สามารถหาซื้อตามท้องตลาด หรือนำไปใช้ได้ สำหรับสินค้าเด็ดคือเลมอนมิกซ์ ซึ่งเป็นกลิ่นเลมอนแท้ จะผสมกับเครื่องดื่มเมนูไหนก็อร่อย นอกจากนี้ ยังมีรสบลูฮาวายที่ได้ชิมแล้วต้องติดใจ พร้อมกันนี้ก็จะคอยอัพเดทเมนูใหม่ ๆ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้กับผู้ลงทุนอยู่ตลอดเวลา
การลงทุนกับธุรกิจแฟรนไชส์ มินิบาร์ น้ำม็อกเทลอินเตอร์ มีให้เลือกทั้งสิ้น 3 รูปแบบ ลงทุนเริ่มต้นที่ราคา 39,000 บาท เหมาะสำหรับการออกบูธ ออกอีเวนท์ต่าง ๆ โดยจะได้รับของแถมกว่า 30 รายการ และเทรนนิ่งเป็นเวลา 1 วัน ก็พร้อมเปิดร้านได้ทันที ถัดมาเป็นแพ็คเกจราคา 59,000 บาท เหมาะสำหรับการเปิดร้านเต็มรูปแบบ และนำไปตั้งเสริมในผับบาร์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ นอกจากได้รับวัตถุดิบและอุปกรณ์แล้ว ผู้ลงทุนจะได้รับการเทรนนิ่งสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจเป็นเวลาทั้งหมด 2 วัน รวมถึงชให้คำปรึกษาด้านการตลาดอีกด้วย ส่วนแพ็คเกจสุดท้ายราคา 68,000 บาท เหมาะสำหรับการเปิดร้านเต็มรูปแบบ หรือนำไปตั้งเสริมในผับบาร์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ซึ่งรูปแบบนี้จะได้รับวัตถุดิบ อุปกรณ์ และเมนูเพิ่มขึ้น พร้อมการเข้าไปช่วยเทรนนิ่งให้ถึงที่เป็นเวลา 3 วัน
คุณเปิ้ลกล่าวทิ้งท้ายว่า การเริ่มต้นธุรกิจเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเราลองมองหาแฟรนไชส์ที่เราชอบและถนัด ก็สามารถเลือกซื้อแฟรนไชส์ได้เลย การซื้อแฟรนไชส์ก็คือการซื้อประสบการณ์ และซื้อความสำเร็จของคนที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว โดยไม่ต้องลองผิดลองถูก ขอเพียงเรามีความขยันและตั้งใจจริง การเริ่มต้นธุรกิจด้วยการซื้อแฟรนไชส์เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีอย่างแน่นอน
ส่วนใครที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังไม่มีเงินทุน หรือใครที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน ตอนนี้ทางธนาคารออมสิน ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มาเริ่มต้นธุรกิจกับแบรนด์มินิบาร์ น้ำม็อกเทลอินเตอร์ได้ โดยสามารถติดต่อขอ “สินเชื่อ สร้างงาน สร้างอาชีพ” ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ สแกน QR CODE เพื่อลงทะเบียนขอสินเชื่อ พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่ให้วงเงินกู้สูงสุด 100,000 บาท โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน ต้องขอขอบคุณ ธนาคารออมสิน ที่สนับสนุนให้คนไทยมีอาชีพ มีรายได้