ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

เฮียลิ้มบะหมี่เกี้ยว มุ่งมอบโอกาส SMEs ไทย ผ่านการจัดแคมเปญแฟรนไชส์สร้างอาชีพเพื่อคนตัวเล็ก


แฟรนไชส์เฮียลิ้มบะหมี่เกี้ยว มุ่งมั่น “สร้างอาชีพให้คนไทย” ได้อยู่รอดจากวิกฤติโควิด 19 พร้อมเป็นอีกแรงสนับสนุนให้คนไทยสามารถมีอาชีพที่มั่นคง ผ่านการส่งต่อโอกาสสร้างรายได้ให้ผู้ลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการออกแบบโปรโมชั่นการลงทุนรูปแบบต่าง ๆ ให้ผู้ประกอบการรายเล็ก เช่น “โครงการช่วยเพื่อนตั้งตัวสู้ภัยโควิด” หรือการร่วมกับบริษัทสินเชื่อต่าง ๆ เพื่อจัดหาแหล่งเงินทุนให้คนสนใจอยากมีอาชีพ รวมถึงการเลือกผ่อนชำระค่าแฟรนไชส์ได้

 

ทีทีทีฟู้ด มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจ สู่การเป็นแบรนด์แฟรนไชส์สตรีทฟู้ดเพื่อสังคมไทย

บริษัท ทีทีทีฟู้ด จำกัด มองเห็นถึงแนวโน้มและทิศทางของธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งเป็นอีกโอกาสที่จะสามารถสร้างอาชีพสร้างรายได้ในยุคโควิด จึงหลอมรวมทุกศักยภาพ ทั้งบุคลากรและแฟรนไชส์โปรดัคท์ อย่างแบรนด์ เฮียลิ้มบะหมี่เกี้ยว แบรนด์โอข้าวมันไก่ และแบรนด์ โอจังลูกชิ้น โดยมีเป้าหมายในการช่วยประคับประคองสังคม โดยเฉพาะผู้มีเงินทุนน้อยที่มองหาโอกาสการสร้างรายได้ โดยบริษัทฯ พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนรอบด้าน ตั้งแต่การหาทำเล ส่งเสริมด้านการตลาด ฯลฯ เพื่อผู้สนใจลงทุนก้าวต่อไปอย่างมั่นคงแข็งแรง

 

ส่งต่อ 3 ประเภทแฟรนไชส์อาหารยอดฮิต ภายใต้แนวคิด “ขายง่าย ขายดีและมีกำไร”

สำหรับการเลือกเจาะ 3 ประเภทแฟรนไชส์อาหารนี้ เนื่องจากบะหมี่เกี๊ยว ข้าวมันไก่ และลูกชิ้นทอด ล้วนแต่เป็นอาหารยอดนิยมของผู้บริโภคส่วนใหญ่ จึงขายง่ายทำกำไรได้ดี และด้วยความพร้อมในการจัดหาวัตถุดิบคุณภาพ การแปรรูปเป็นสินค้าที่มีความปลอดภัยถูกหลักโภชนาการ บวกกับรูปแบบการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนน้อย ทีทีทีฟู้ด จึงเป็นอีกแบรนด์ที่มีศักยภาพในการต่อยอดโอกาสให้คนไทยได้สามารถฟื้นฟูคุณภาพชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด ยกตัวอย่าง แฟรนไชส์เฮียลิ้มบะหมี่เกี้ยว ที่เปิดโอกาสให้ลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักหมื่น พร้อมการช่วยฝึกอบรมการขายให้แฟรนไชส์ซีก่อนเปิดร้าน ผ่านจุดเด่นของแบรนด์ที่ช่วยให้ขายง่าย ขายดีและมีกำไร ดังนี้

 

1. เมนูที่เข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้

ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่เกี๊ยว ข้าวมันไก่ หรือลูกชิ้นทอด เป็นอาหารยอดฮิตที่ไม่มีวันตกเทรนด์ ซึ่งทางแฟรนไชส์มีการพัฒนาสูตรเมนูให้มีความอร่อย ถูกใจคนไทย จึงเป็นสินค้าที่ขายง่าย เปิดร้านที่ไหนก็ขายได้

2. รูปแบบร้านเข้าถึงลูกค้าได้ทุกพื้นที่

การเป็นร้านแบบรถเข็นตอบโจทย์ลูกค้าได้ในทำเลที่คนพลุกพล่าน เช่นตลาดนัด ย่านชุมชน สถานที่ราชการ ใกล้ย่านการศึกษา หรือย่านออฟฟิศ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้มีกลุ่มลูกค้าที่พร้อมเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก

3. กำไรจากการขายสูงกว่า 60%

ด้วยการออกแบบและบริหารจัดการที่คิดมาอย่างดีทำให้ผู้ลงทุนมีต้นทุนน้อย โอกาสขายได้กำไรจึงสูงกว่า 60% จากยอดขาย โดยลูกแฟรนไชส์ที่ลงทุนแล้วต่างประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และยิ่งทำให้คนที่มองเห็นภาพความสำเร็จนี้ต้องการเลือกลงทุนมากขึ้น

4. จัดโปรโมชั่นให้เลือกลงทุนและสนับสนุนคนสนใจสร้างอาชีพ
เป้าหมายของแฟรนไชส์คือการสร้างอาชีพให้คนไทยด้วยเหตุนี้จึงเห็นแคมเปญที่สนับสนุนมากมายทั้งโครงการช่วยเพื่อนตั้งตัวสู้ภัยโควิด การจัดหาสินเชื่อต่างๆ ทำให้คนสนใจเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายจึงเปิดสาขากันเพิ่มมากขึ้น

5. บริหารงานแบบเป็นครอบครัวเดียวกัน

คนที่ลงทุนกับทางแฟรนไชส์ไม่ใช่แค่คนที่เข้ามาซื้อแฟรนไชส์แต่จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะทางแฟรนไชส์มีนโยบายที่จะให้ทุกคนได้เดินหน้าไปพร้อมกัน ดังนั้นจึงมีการพัฒนาสินค้า การให้คำปรึกษา มีการช่วยเหลือผู้ลงทุนทุกคนเป็นอย่างดี เพิ่มความประทับใจให้อยากเลือกลงทุนมากขึ้น

ตั้งเป้าขยายสาขาครบ 1,000 แห่ง พร้อมนำธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

ในวาระครบรอบ 1 ปี บริษัท ทีทีทีฟู้ด จำกัด คุณอิทธิพัทธ์ ภูกิจจีรภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้กล่าวถึงทิศทางบริษัทฯและแผนเพิ่มศักภาพเพื่อเดินก้าวสู่ปีที่ 2 และแผนระยะยาวว่า ในปี2565 มีเป้าหมายขยายสาขา 300 สาขา และในปี 2566 มีเป้าหมายจะขยายให้ครบ 500 สาขา ต่อเนื่องถึงปี 2567 มีเป้าหมายต้องมีสาขา 1,000 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเน้นการจัดหาพันธมิตรที่มีพื้นที่เช่าศักยภาพไว้ให้บริการลูกค้า เช่นแฟรนไชส์กลุ่มร้านสะดวกซื้อ , สถานีบริการน้ำมัน ตลอดจนการจัดหาพันธมิตรแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับให้กับลูกค้าที่ทุนน้อยแต่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเองไม่ว่าจะเป็น ธนาคารออมสิน ชโยแคปปิตอล และยังมีอีกหลายรายที่กำลังอยู่ระหว่างเจรจา โดยมอบดอกเบี้ยถูกสุดผ่อนสบาย ๆ

 

พร้อมกันนี้ยังเตรียมขยายสำนักงานให้บริการอีก 4 แห่ง ได้แก่

1.สำนักงานกรุงเทพปริมณฑลดูแลเขตงานขายภาคกลาง
2.สำนักงานนครสวรรค์ดูแลเขตงานขายภาคกลางตอนบน
3.สำนักงานร้อยเอ็ดดูแลเขตงานขายภาคอีสาน
4.สำนักงานเชียงใหม่ดูแลเขตงานขายภาคเหนือตอนบน

ตลอดจนมีการ ซื้อธุกิจ (M&A) ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนธุรกิจหลัก 1-3 ธุรกิจ ควบคู่กับการลงทุนขยายโรงงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ พร้อมพัฒนาขยายไลน์ผลิต กลุ่มสินค้าพร้อมทาน กลุ่มสินค้าพร้อมปรุงเข้าจำหน่ายเป็น FOOD SERVICE ให้กับร้านค้าทั่วไปอีกด้วย โดยทั้งหมดนี้เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะนำบริษัทฯเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 2570

จะเห็นได้ว่าด้วยแผนงานที่ชัดเจนและการวางเป้าหมายที่ให้ความสำคัญกับผู้ลงทุนเป็นหลัก คือคีเวิร์ดสำคัญที่ทำให้แฟรนไชส์มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเชื่อมั่นว่าเฮียลิ้มบะหมี่เกี้ยวและสินค้าในเครือจะเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่สร้างรายได้ให้กับคนไทยได้เป็นอย่างดี สมกับเป็นสุดยอดแฟรนไชส์ที่สร้างอาชีพให้กับคนไทยได้อย่างแท้จริง คุณอิทธิพัทธ์ ภูกิจจีรภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

สนใจลงทุนแฟรนไชส์บะหมี่เกี๊ยวเฮียลิ้ม โทร. 080-8169234 , 099-2620733