ร้านทำผม หรือ ร้านตัดผมเป็นอีกหนึ่งวิชาชีพหรือธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกคน แต่ถึงแม้ว่าทุกคนจะต้องตัดผมเจ้าของร้านหรือเจ้าของธุรกิจเองจะต้องมีฝีมือหรือการองค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วย แล้วจะทำให้ยังไงให้รวย ? ต้องเริ่มที่ตัวผู้ให้บริการก่อน ร้านมีพร้อมหรือยังสำหรับคำว่า “Professional”
1. ทำเลที่ตั้ง – แหล่งชุมชนตลาดสด ทำเลสถานศึกษา มหาวิทยาลัย ย่านธุรกิจ แหล่งที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า หรือจะใช้บ้านตัวเองประหยัดค่าเช่าก็แล้วแต่ ทำเลมีส่วนสำคัญในการคิดค่าบริการ เพราะลูกค้าก็จะเคยชินกับราคาเฉลี่ยของกลุ่มร้านค้าที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ เช่น ร้านซาลอนที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ค่าบริการจะแพงกว่าร้านที่เปิดในหมู่บ้าน เป็นต้น
2. สาธารณูปโภคภายในร้าน – ในยุค New Normal นอกจากการรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัดแล้ว บ่อยครั้งที่ลูกค้าต้องใช้เวลาอยู่ในร้านค่อนข้างนาน ร้านจำเป็นต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น สัญญาณ wi-fi แรงๆ ให้ลูกค้าเล่นแก้เบื่อ มีพื้นที่จอดรถยนต์ มีบริการของว่างหรือบริการสั่งอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงความปลอดภัย
3. มาตรฐานช่างทำผม – หัวใจในการสร้างมูลค่าให้ร้าน เจ้าของร้านต้องพัฒนาช่างให้ฝีมือได้มาตรฐาน หมั่นอัพเดทเทรนด์ต่างๆ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ต้องทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ รู้สึกว่าตัวเองดูดี ดูวีไอพี หมายถึง นอกจากมาเสริมสวย ตัดผมแล้ว ยังสามารถพูดคุยเรื่องความงามอย่างอื่นได้ เช่น เรื่องการแต่งตัว แต่งหน้า เป็นต้น ช่างต้องสามารถตอบได้ ให้คำแนะนำที่ถูกต้อง รวมถึงมารยาทในการให้บริการต่างๆ
4. ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ – ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มทำเคมีและบำรุงผม เช่น ผลิตภัณฑ์ออแกนิค จะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์และมูลค่าของร้านโดยรวมได้
5. การสื่อสารกับลูกค้า – หลายคนไม่กล้าเข้าร้านซาลอน บ้างกลัวเรื่องราคา บ้างก็อัดอัดใจกับการที่ช่างยัดเยียดสินค้าและบริการให้ การสื่อสารกับลูกค้าเป็นสิ่งจำเป็น ยิ่งยุคนี้มีสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้การตลาดและประชาสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น จะโชว์ความทันสมัยของร้าน ฝีมือช่าง มีคนดังมาทำรีวิว โปรโมชั่นดี เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าและอยากมาใช้บริการ
