ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

เปรียบเทียบให้เห็นกันชัด 3 ช่องทาง “ขายของออนไลน์” มี ข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร


ปัจจุบันโลกออนไลน์ดูจะเป็นช่องทางการขายที่มีบทบาทอย่างมาก วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาเปรียบเทียบให้เห็นกันว่าในโลกออนไลน์นั้นแต่ละช่องทางการขายมีความแตกต่างกันอย่างไร รวมไปถึงข้อดี ข้อเสีย อย่างไรบ้าง โดยหลักแล้วการขายของออนไลน์นั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ เว็บไซต์, Social Media และ E-Marketplace มาดูกันว่าแต่ละช่องทางเป็นอย่างไรบ้าง

1.เว็บไซต์ขายของออนไลน์

เปลี่ยนเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือ เหมือนเราเปิดร้านขายของ 1 ร้าน เช่นเดียวกันเราสร้างร้านค้าในช่องทางออนไลน์โดยเป็นการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อลงขายสินค้าต่างๆ

ข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์บน เว็บไซต์

  1. มีความน่าเชื่อถือ เพราะสามารถใส่ข้อมูลที่เป็นทางการของธุรกิจในหน้าเว็บไซต์ได้
  2. สร้าง Brand Loyalty ให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจกลับมาซื้อซ้ำได้ง่าย ยิ่งถ้าคุณสามารถตั้งชื่อเว็บไซต์ของคุณเป็นชื่อเดียวกับแบรนด์ได้ ก็จะยิ่งสร้างการจดจำแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น แถมการมีโดเมนเนมนั้นยังสามารถลอกเลียนได้ยากอีกด้วย
  3. ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลธุรกิจ หรือสินค้าของคุณผ่าน Google ที่เป็น Search Engine ได้ง่ายขึ้น และ Google นั้นยังสามารถทำงานได้ดีกับเว็บไซต์ เพราะเว็บไซต์ขายของออนไลน์สามารถทำ SEO ให้มี Keywords ที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณเสิร์ช Google ติดในหน้าแรกได้
  4. มี Shopping Cart (ตะกร้าสินค้า) หรือ ฟังก์ชั่นสำหรับการติดต่อช่องทางอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าสอบถามสินค้าและบริการของคุณเพิ่มเติมได้
  5. ทำ Remarketing / Custom Audience / Lookalike ซึ่งเป็นการทำโฆษณาขั้น Advance เพื่อให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น โดยใช้ข้อมูลของคนที่เคยมาเยี่ยมเว็บไซต์ของคุณในการทำโฆษณาเป็นหลัก
  6. สามารถติดตั้งระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ดีได้ เช่น ระบบ CRM, ระบบ Dynamic Retargeting อ่านข้อมูลของการทำ R-Dynamic ระบบโฆษณา Dynamic Retargeting ได้โดย คลิกที่นี่ หรือ Google Analytics เพื่อวิเคราห์พฤติกรรมลูกค้าของคุณได้
  7. ไม่เสียส่วนแบ่งจากการขาย

ข้อด้อย หรือ ความท้าทายของการทำเว็บไซต์

  1. แน่นอนว่าทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทข้อมูล การดูระบบหลังบ้าน และอื่นๆ อีกมากมายเราต้องเป็นผู้บริหารจัดการเองทั้งหมด
  2. Content มักไม่อัปเดต เพราะการทำงาน Content ผ่านเว็บไซต์อาจมีความยุ่งยากมากกว่าการทำ Content บน Social ต่าง ๆ
  3. การออกแบบมักไม่ค่อยสวย ยิ่งถ้าต้องการให้เว็บไซต์มีคุณสมบัติ User Friendly คือง่ายต่อการใช้งานหรือช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการสั่งซื้อได้ง่ายแล้ว อาจจะต้องจ้าง UX UI Design ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
  4. Visitor หรือคนเข้าเว็บไซต์มีจำนวนน้อย จนไม่ก่อให้เกิดผลในการเพิ่มยอดขายของร้านค้าออนไลน์ของคุณ จนหลายธุรกิจอาจถอดใจกับการทำเว็บไซต์ได้
  5. ต้องการ Technical Support เช่น เว็บไซต์ขายของออนไลน์ ต้องไม่ล่มบ่อย ประมวลผลการทำงานเร็ว ฯลฯ
  6. ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้เอง ต้องอาศัย Social Media ช่วยดึงลูกค้าเข้าสู่เว็บไซต์

2.Social Media

เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักช่องนี้กันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น facebook, IG, Line หรือ อื่นๆ ที่นิยมนำมาใช้เป็นช่องทางการขายรวมไปถึงการส่งเสริมการตลาดที่เรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพอย่างมากในยุคนี้

ข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์บน Social Media

  1. ใช้งานง่าย โพสต์ง่าย ติดต่อกับลูกค้าง่าย
  2. สามารถสร้างสรรค์รูปแบบของ Content ได้หลายรูปแบบ ทั้ง VDO แนวตั้ง แนวนอน, ภาพเดี่ยว, อัลบั้มภาพ Content หลากหลายรูปแบบ
  3. หาลูกค้าใหม่ ๆ ได้ไม่จำกัด โดยการทำโฆษณาออนไลน์
  4. กระตุ้นความต้องการการซื้อได้ดี (สำหรับสินค้ากลุ่มที่ซื้อสินค้าด้วยอารมณ์ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น หรือเครื่องสำอางต่าง ๆ)
  5. มีโอกาสเกิด Viral ได้และจะช่วยส่งเสริมการขายได้อย่างมหาศาล (แต่ค่อนข้างยาก)

ข้อด้อย หรือ ความท้าทายของการใช้ Social Media

  1. โพสต์ Content แล้ว ไม่ได้ Organic Reach เพราะการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึ่มของ Social Media ต่าง ๆ ทำให้ร้านค้าออนไลน์ ไม่สามารถเข้าถึง Fan Page ได้ทุกคน (ปัจจุบัน Facebook ให้เพจต่าง ๆ เข้าถึงคนที่เป็นแฟนเพจได้ไม่เกิน 1% ที่เป็น Organic แบบไม่เสียค่าโฆษณา)
  2. ค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาสูงขึ้น เพราะการแข่งขันของการขายสินค้าออนไลน์สูงขึ้น
  3. อัลกอริทั่มของการโฆษณา (Ad Algorithm) มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ร้านค้าออนไลน์ตามไม่ทัน
  4. ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำ Creative Content สำหรับการโฆษณาออนไลน์ เพื่อให้ดึงดูดและโดนใจกับกลุ่มเป้าหมาย
  5. การหา Admin ที่เก่ง มีใจรักบริการ ให้ข้อมูลถูกต้องและเร็ว หาได้ยาก

3.E-Marketplace

เว็บไซต์สื่อกลางการติดต่อซื้อ – ขาย แหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ในการรวบรวมข้อมูลผู้ซื้อ – ผู้ขาย สินค้าและบริการ ธุรกิจ ร้านค้า จำนวนมาก โดยเปิดให้ผู้ซื้อ – ผู้ขายเข้ามาทำการติดต่อซื้อ – ขาย แลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าและบริการ เช่น Lazada Shopee เป็นต้น

ข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์บน E-Marketplace

  1. ลดระยะเวลาในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาด โปรโมทสินค้าแหล่งเดียวกระจายไปทั่วโลก หาลูกค้าใหม่ได้ง่ายและมากกว่า เพราะ Traffic ของลูกค้าที่เข้ามาใน E-Marketplace มีจำนวนมากต่อวัน เพราะแต่ละที่มีการโปรโมตเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ
  2. ลดต้นทุนในการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ มีโอกาสทำการตลาดกับ Traffic จำนวนมากที่เข้ามาใน E-Marketplace ได้ เช่น การซื้อ Banner Ad, การอยู่ในหน้าแรกหรือการเป็นร้านค้าแนะนำของ E-Marketplace เป็นต้น
  3. ลดข้อจำกัดด้านองค์ประกอบทางธุรกิจ เช่น พื้นที่ร้าน พนักงานขาย เป็นต้น
  4. มี E-Marketplace ให้เลือกใช้บริการหลากหลาย ซึ่งคุณสามารถไปเปิดร้านค้าออนไลน์ได้ทุก E-Marketplace เพื่อเพิ่มโอกาสการขายได้มากขึ้น
  5. ใสร้างโอกาสทางการค้าตลอด 24 ชั่วโมง ใน 7 วัน

ข้อด้อย หรือ ความท้าทายของการใช้ E-Marketplace

  1. เสียค่า Commission ในการขายสินค้า (บางแห่งอาจจะฟรีหรือคิดน้อยมากในช่วงแรก)
  2. ต้องทำการตลาดควบคู่ เพราะหากเปิดร้านไว้เฉย ๆ มักไม่ได้ผล เพราะมีการแข่งขันสูง
  3. ลูกค้าเห็นสินค้าคู่แข่งด้วย ถ้าราคาสินค้าของคุณแพงกว่าอาจจะทำให้เสียโอกาสการขายได้
  4. สร้าง Brand Loyalty ยาก เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าจะจดจำแค่ชื่อของ E-Marketplace มากกว่าการจดจำชื่อร้านของคุณ
  5. ร้านค้าออนไลน์มีอำนาจการต่อรองกับ E-Marketplace ได้น้อย