ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

เมนูขนมไทย ทำขายสร้างรายได้เสริม


วันนี้ชี้ช่องรวยขอนำเสนอ เมนูขนมไทย ที่ใครหลายคนต้องชื่นชอบ มีเมนูขนมไทยอะไรบ้างมาดูกันเลย

 

1.ขนมหม้อแกงไข่

ส่วนประกอบและวิธีทำขนมหม้อแกงไข่

ส่วนประกอบ

ไข่เป็ด 10 ฟอง

หัวกะทิ 2½ ถ้วยตวง

น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง

น้ำตาลปีบ 1 ½ ถ้วยตวง

ใบเตย 3 ใบ

หัวหอมเจียว 1 ถ้วยตวง

แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง

 

วิธีทำขนมหม้อแกง

1.ต่อยไข่เป็ดทั้ง 10 ฟองใส่ในภาชนะเติมน้ำตาลทราย น้ำตาลปีบ ขยำด้วยใบเตยให้ส่วนผสมเข้า กัน

2.ละลายแป้งสาลีกับน้ำกะทิ 2 ถ้วย จากนั้นเทรวมกับไข่และส่วนผสมที่เตรียมไว้ ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

3.กรองส่วนผสมในข้อ 2 ด้วยผ้าขาวบาง

4.ตักส่วนผสมใส่ลงในพิมพ์หรือถาดจนหมด จากนั้นเทหัวกะทิลงในพิมพ์หรือถาดแต่ละอัน

5.นำขนมเข้าไปอบอุณหภูมิที่ 200 เซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

6.เมื่ออบจนสุกแล้วนำขนมออกมาโรยด้วยหอมเจียว

เคล็ดลับความอร่อย

1.ขนมหม้อแกงไข่ที่อร่อยต้องมีความมัน ในส่วนผสมจึงต้องใช้หัวกะทิที่มีความเข้มข้น

2.การตีไข่ควรตีให้ไข่ขาวแตกตัวจนขึ้นนวล

3.การอบต้องใช้ไฟบนน้อยกว่าไฟล่าง

 

2.ขนมปุยฝ้าย

เครื่องปรุง + ส่วนผสม

แป้งสาลี 450 กรัม

เอสพี 1 ช้อนโต๊ะ (ดูรายละเอียดเอสพี* ด้านล่าง)

ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ

ไข่ไก่ 2 ฟอง

น้ำตาลทราย 250 กรัม

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

นมข้น 1/2 กระป๋อง

น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง

สีผสมอาหาร (เลือกสีตามความต้องการ), กลิ่นมะลิ (หรือตามชอบ)

ลูกเกด (สำหรับแต่งหน้า)

ขนมหวานไทย : ขนมปุยฝ้าย

ขนมหวานไทย : ขนมปุยฝ้าย

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

  1. ผสมเอสพี น้ำตาลทรายและน้ำ 1 ถ้วยเข้าด้วยกัน จากนั้นคนด้วยเครื่องตีไข่ ระหว่างคนตอกไข่ลงไป 2 ฟองและคนต่อไปเรื่อยๆ
  2. นำผงฟูผสมกับแป้งสาลี แล้วนำไปร่อน จากนั้นจึงใส่ผสมลงไปกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1 คนต่อไปให้เข้ากันทั่ว
  3. ใส่น้ำ 1 ถ้วยตวง, นมข้น และน้ำมะนาว คนหรือตีต่อไปจนส่วนผสมขึ้นขาว จึงใส่สีและกลิ่นตามความชอ
  4. จากนั้นนำส่วนผสมไปหยอดลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ แต่งหน้าด้วยลูกเกด (แล้วแต่ความชอบ) และนำไปนึ่งโดยใช้ไฟแรงๆ ประมาณ 10 นาทีหรือจนสุก จึงยกลง
  5. ทิ้งไว้ให้เย็น สามารถนำไปเสริฟทานได้ทันที

 

3.ขนมเทียนแก้ว

ส่วนผสม

ถั่วทองนึ่งสุกบดละเอียด 250 กรัม

เกลือ 1/2 ช้อนชา

น้ำตาลทราย (สำหรับกวนถั่ว) 250 กรัม

กะทิ (สำหรับกวนถั่ว) 250 กรัม

แป้งถั่วเขียว 500 กรัม

กะทิ (สำหรับกวนตัวแป้ง) 250 กรัม

น้ำตาลทราย (สำหรับกวนแป้ง) 100 กรัม

ใบตองสำหรับห่อ หรือทำกระทง

วิธีทำ

  1. เตรียมทำไส้ โดยนำถั่วทองสุกบด ผสมกับน้ำตาลทราย, กะทิ และเกลือ นำไปตั้งบนไฟร้อน ปานกลาง กวนจนส่วนผสมเหนียวข้นพอปั้นได้ จึงปิดไฟ พักไว้ให้เย็น แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ วางพักไว้ในถาดแบน
  2. เตรียมทำตัวแป้งโดยนำกะทิ ผสมกับน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำไปตั้งบนไฟอ่อน กวนจนแป้งสุกใส จึงปิดไฟ (ถ้าต้องการให้ตัวแป้งมีสี สามารถใส่สีผสมเข้าไปได้ในขั้นตอนการกวน)
  3. เตรียมใบตองโดยตัดเป็นวงกลมให้ได้ตามขนาดกระทงที่ต้องการ จากนั้นจึงใส่ตัวไส้ลงไปในกระทง และตามด้วยตัวแป้ง (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2) ทิ้งไว้ให้เย็น ก็เสริฟรับประทานได้

 

4.ขนมอาลัว

ส่วนผสม

* แป้งสาลี 1 1/2 ถ้วยตวง

* แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วยตวง

* แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ

* น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง

* มะพร้าวขูด 350 กรัม

* น้ำตาลทราย 5 1/2 ถ้วยตวง

* สีผสมอาหาร

(บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้

เช่น สีเขียว – ใบเตย, สีม่วง – ดอกอัญชัญ)

วิธีทำ

  1. นำมะพร้าวขูดไปผสมกับน้ำลอยดอกมะลิ จากนั้นนำไปคั้นจนได้น้ำกระทิ
  2. นำแป้งสาลี, แป้งถั่วเขียว และแป้งมันร่อนผสมกัน
  3. นำน้ำกะทิผสมกับแป้งและน้ำตาล คนจนละลายเข้ากันดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่สีผสมอาหารลงไป และกวนเรื่อยจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี (แป้งจะมีลักษณะเหนียวใสๆ ถ้านำไปหยอดในน้ำ แล้วแป้งยังคงรูปอยู่ก็เป็นอันใช้ได้)
  4. นำน้ำแป้งที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วจึงบีบลงในถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ แล้วจึงนำไปตากแดดสัก 2 – 3 แดด เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียน
  5. จัดใส่จานเสริฟได้ทันที หรือใส่กระปุกมิดชิดเก็บไว้รับประทานภายหลังได้

 

5.เม็ดขนุน

ส่วนผสมและสัดส่วน

  1. ถั่วทอง หรือ ถั่วเขียวซีก 2 ถ้วย
  2. หัวกะทิ ¼ ถ้วย
  3. มะพร้าวขูด ¼ ถ้วย
  4. ไข่แดงไข่เป็ด 10 ฟอง
  5. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  6. น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วย (ทำน้ำเชื่อม)
  7. น้ำตาลทราย 3 ถ้วย (ทำน้ำเชื่อม)

 

วิธีปรุง

  1. นำถั่วทองแช่น้ำทิ้งไว้ก่อนเริ่มทำ (แนะนำให้แช่ก่อนนอน ตอนเช้าใช้ได้เลย) พอถั่วนิ่มแล้วนำมานึ่งจนสุก
  2. บดถั่วให้ละเอียด แล้วผสมกับหัวกะทิ มะพร้าวขูด
  3. นำลงไปกวนในกระทะทองเหลืองให้เข้ากัน
  4. เติมน้ำตาลทราย แล้วกวนต่อจนส่วนผสมแห้งปั้นได้
  5. ปั้นถั่วเป็นลูกรีๆ พักไว้
  6. ตีไข่แดงให้เข้ากันกรองด้วยกระชอนเพื่อไม่ให้มีเศษของไข่ขาว
  7. นำน้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทรายใส่ในกระทะทองเหลืองแล้วมาตั้งไฟ รอให้นำตาลละลาย ไม่ต้องคน พอน้ำตาลละลายและเดือดแล้ว ให้นำตะแกรงตาถี่มาตักเอาเศษหรือกากที่ไม่ต้องการออก จะได้น้ำเชื่อมที่ใส ปิดไฟ
  8. นำถั่วที่ปั้นไว้ชุบไข่แดง แล้วหยอดลงในน้ำเชื่อมขณะที่น้ำเชื่อมยังร้อนอยู่ พอหยอดเต็มแล้ว เปิดไฟอีกครั้ง
  9. เปิดไฟให้น้ำเชื่อมเดือดอีกครั้งจนไข่สุก แล้วช้อนขึ้นก็จะได้เม็ดขนุนที่เหลืองสวยเป็นเงา

 

เคล็ดลับน่ารู้

– ไข่ที่ใช้ชุบเม็ดขนุนจะต้องเป็นไข่ที่สดมากๆ เพราะจะติดเม็ดขนุนมากกว่าไข่ที่ไม่สด

– ไม่ควรใส่มะพร้าวหรือกะทิในส่วนผสมของถั่วมากเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อลื่น ชุบไข่ไม่ค่อยติด

– ความใสความข้นของน้ำเชื่อมก็มีผลต่อการชุบไข่เช่นกัน ถ้าน้ำเชื่อมใสเกินไปไข่ก็จะไม่ค่อยติด หากต้องการให้ติดไข่หนาหน่อย ควรเคี่ยวน้ำตาลให้นานขึ้น เพื่อให้น้ำเชื่อมข้น