ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

“ธัชชัย ศีลพิพัฒน์” กับการบุกพัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอล์ “ease park” บนถนนรามอินทรา


หากเดินทางบนถนนเส้นรามอินทราทางฝั่งที่จะไปออก ถ.วิภาวดี ช่วง ถ.รามอินทรา กม. เราจะได้เห็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีการตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใช้บริการนามว่า “ease park” บนพื้นที่ 3.5 ไร่ จากเดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นปั๊มน้ำมันเก่า เมื่อหมดอายุสัญญาเช่าพื้นที่จึงปล่อยให้เกิดเป็นพื้นที่รกร้าง เป็นเหตุให้ ธัชชัย ศีลพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอเอ็น พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ทายาทเจ้าของพื้นที่มีแนวคิดที่จะพัฒนาให้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่นิยมใช้พื้นที่ในการเจรจาธุรกิจ หรือนัดพบปะกันจากเดิมที่ส่วนใหญ่จะนัดพบปะกันในห้างสรรพสินค้า แต่ ณ เวลานี้พฤติกรรมผู้บริโภควัยนี้ได้เปลี่ยนไป ซึ่งรูปแบบของตัวอาคารมีการออกแบบทางด้านสถาปัตยกรรมและการตกแต่งให้ออกไปในแนวโมเดิร์นสมัยใหม่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่โดนใจวัยรุ่นหรือคนวัยทำงาน ทำให้“ease park” ในวันนี้กลายเป็นจุดนัดพบของกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปโดยปริยาย

“ผมเรียนจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  และไปเรียนต่อปริญญาโทด้าน MBA ที่มหาวิทยาลัย University of Akron สหรัฐอเมริกา หลังจากกลับมาประเทศไทย ผมเริ่มงานในวงการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และคลุกคลีในธุรกิจนี้มาประมาณ 6 ปี ความรับผิดชอบหลักในตอนนั้น คือ ดูแลงานด้านการตลาดโครงการแนวสูง หรือ คอนโดมิเนียม ที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากตรงนั้นมากพอ จึงมาก่อตั้ง บริษัท เคเอเอ็น พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด โดยแรกเริ่มได้วางเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจไว้ว่าจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ครบวงจรทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม แต่ด้วยที่ดินของครอบครัวที่เป็นปั๊มน้ำมันเดิมได้หมดสัญญาลง จึงเล็งเห็นว่าควรที่จะทำประโยชน์กับที่ดินผืนนี้ก่อน เริ่มต้นตั้งโจทย์ว่าจะทำอะไร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ต้องขายที่ผืนนี้ เนื่องจากว่าเป็นที่มรดกของครอบครัว ดังนั้น การพัฒนาโครงการเพื่อขายจึงตกไป เลยมองไปถึงโครงการที่ให้ผลประโยชน์จากการให้เช่าพื้นที่แทน ประกอบกับที่ดินผืนนี้ตั้งอยู่ติดถนนรามอินทรา ช่วงกม 4.5 ถือเป็นทำเลที่ดี ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู เพียง 100 เมตร ซึ่งในอนาคต หากว่ารถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดใช้ เรียกได้ว่าโครงการจะเป็นโครงการที่ติดสถานีเลยครับ เดินทางสะดวก ลงรถไฟฟ้าแล้วเดินเข้ามาจับจ่าย และนั่งชิลล์ที่นี่ได้ ซึ่งธุรกิจแบบให้เช่าพื้นที่ที่น่าสนใจและเหมาะสมกับพื้นที่มากที่สุด คือ Community Mall จึงได้เกิดโครงการ “ease park” ขึ้น”

 

“ธัชชัย” เล่าว่า โดยส่วนตัวเขาชอบไปทำธุระ ทานข้าว ซื้อของตาม Community Mall มากกว่าห้างสรรพสินค้า เนื่องจากสะดวกในการเดินทาง ไม่ต้องวนหาที่จอดรถ และไม่ต้องเดินไกล ซึ่งบ้านของเขาอยู่ค่อนข้างไปทางนอกเมือง หากจะไปในเมืองก็ต้องฝ่ารถติดเข้าไป ซึ่งถ้าไม่จำเป็นส่วนใหญ่ก็จะทำธุระอยู่แถวๆ บ้าน หรือมองหา Community Mall ที่ใกล้ๆ มากกว่า การไปใช้บริการก็มากกว่าอาทิตย์ละ 1 ครั้ง (ประมาณอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง) ทำธุระประจำเช่น ซื้อของ Supermarket, ซื้อกาแฟ, ทานอาหาร, หรือออกกำลังกาย อีกทั้งเขาเองก็เป็นคนพื้นเพที่พำนักอาศัยอยู่ในย่านรามอินทรามาตั้งแต่เกิด จึงเห็นความเปลี่ยนแปลงของคนที่พักอาศัยแถวนี้อยู่ตลอด คิดว่าบริเวณนี้ยังขาด Neighborhood Mall ที่คนละแวกประมาณ 3-4 ตารางกิโลเมตร จะมาใช้เป็นประจำ  อีกทั้งถนนรามอินทรานั้น ปัจจุบันเป็นถนนที่คนใช้เป็นเส้นทางเดินทางหลัก  ในแต่ละวันมีรถผ่านหน้าโครงการไม่ต่ำกว่า 250,000 คัน ซึ่งบริเวณของโครงการนี้จะเป็นจุดแวะพักสำหรับคนที่ใช้ถนนรามอินทราในการเดินทางเป็นอย่างดี

“โครงการ “ease park”หากมองดูแล้วค่อนข้างจะเล็กถ้าเทียบกับโครงการ Community Mall อื่นๆ เราจึงต้องพิถีพิถันในการเลือกร้านค้าให้ไม่ซ้ำกัน และมีทุกอย่างครบถ้วน รวมทั้งแตกต่างกับคู่แข่งในบริเวณนี้ อีกเรื่องที่เราจะให้ความสำคัญหลังจากเปิดโครงการไปแล้ว คือ ด้านการบริการ บุคลากรที่จะมาทำหน้าที่บริการลูกค้าต้องมี Service Mind เพื่อให้ผู้ใช้บริการรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนบ้านจริงๆ รวมทั้งการจัดกิจกรรมที่กำลังเป็นกระแสนิยมในเมือง การเปิดตัวโครงการของเราจะทำการเปิดแบบค่อยเป็นค่อยไป”

 

“ปัจจุบันตลาดกลุ่มนี้มีการแข่งขันสูง และที่ผ่านมามีการเปิดตัวกันอย่างมากมาย ทั้งประสบความสำเร็จและไปไม่ถึงฝั่ง จุดแข็งของโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ก็คือเรื่องของทำเล ซึ่ง “ease park”มีทำเลที่ดี ซึ่งถือเป็นจุดแข็งอันดับแรก เพราะอยู่ติดถนนใหญ่และมีหน้ากว้าง  มองเห็นได้ชัดสำหรับคนที่สัญจรผ่าน อันดับต่อมาก็คือความสะดวกสบายในการเดินทาง ด้วยถนนรามอินทราในปัจจุบันนั้นมีขนาดกว้างและมีรถผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในการแวะพักของรถที่ผ่านไปมา รวมทั้งอยู่ในแหล่งชุมชนพักอาศัยหนาแน่นปานกลาง ความแตกต่างอีกเรื่องหนึ่งก็คือ โครงการนี้เป็นโครงการขนาดเล็กที่เป็น Neighborhood  Mall เหมาะสำหรับคนบริเวณนี้ โครงการ Community Mall หากมีการบริหารจัดการเลือกร้านค้าที่ดี มี Location ที่เข้าออกสะดวก และมีการบริหารศูนย์ที่ดีแล้ว มันก็ยังไปได้ เนื่องจากว่าคนเรา ยังต้อง ทานอาหาร ซื้อของจาก Supermarket ออกกำลังกาย  ยังไงก็ต้องหาที่ทำกิจกรรมนั้นๆ อยู่ดี และคนก็มักอยากจะไปในที่เราคุ้นเคย และสะดวกสบายจริงๆ”    

ปัจจุบัน Community Mall หรือศูนย์การค้าชุมชน มีการขยายตัวตามการขยายตัวของเมืองและประชากรที่มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของคนในชุมชน ด้วย Lifestyle ของคนปัจจุบันที่เปลี่ยนไป สภาพสังคมที่รถติดขึ้นมาก คนส่วนใหญ่ต้องการความสะดวกสบาย การจับจ่ายใช้สอยใกล้บ้าน ดังนั้น Community Mall จึงต้องมุ่งเน้นไปที่ความสะดวกสบาย เข้าถึงง่าย มองเห็นจากถนนได้ง่าย เพราะฉะนั้นองค์ประกอบหลัก ของ Community Mall จะต้องมี Supermarket หรือ Convenient Store ขนาดแตกต่างกันไปตามข้อจำกัดของผังเมืองในแต่ละที่, ร้านค้าประเภทร้านอาหาร ที่ต้องเลือกสรรร้านให้เหมาะกับคนในพื้นที่นั้นๆและโซนนิ่งต่างๆเพิ่มเติมพวกโซนการศึกษา Service อื่นๆ ตามความเหมาะสมสำหรับพื้นที่ใน บริเวณนั้นๆ อย่างไรก็ดี Community Mall ต้องมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับจัดกิจกรรมตามช่วงเวลา และกิจกรรมต่างๆที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของ Lifestyle คนในอนาคต

สำหรับ lifestyleของคนรามอินทรา ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ใกล้บ้าน เน้นสะดวกสบายเป็นหลัก เนื่องการจราจร ในย่านนี้ รถติดมากๆ การหาร้านอาหาร หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อซื้อของกินของใช้ก็จะเน้นเพื่อนที่ใกล้เคียงที่เดินทางไม่ไกลมากนัก โครงการ “ease park” จึงเน้นกลุ่มลูกค้าในพื้นที่รามอินทราเป็นหลักและอีกกลุ่มเป้าหมายหนึ่ง คือกลุ่มคนที่ใช้ถนนรามอินทรา เป็นทางผ่านในการไปทำงานหรือเป็นทางกลับบ้าน สามารแวะซื้อของได้ง่ายและสะดวกสบาย ซึ่งจะเห็นว่าเราจัดสรรร้านค้าของ “ease park” จะมีการผสมผสาน ทั้ง Villa Supermarket ที่มีของคุณภาพเหมาะกับคนรามอินทราที่มีกำลังการซื้อสูงและเลือกสรรของที่มีคุณภาพ, Starbucks drive thru ที่ตอบโจทย์ผู้เดินทางได้เป็นอย่างดี, ร้านอาหารอาหารที่มีชื่อ และร้านค้าประเภท Beauty คลินิก และ Fitness ขนาดใหญ่ที่ตอบสนอง Healthy Lifestyle ของคนที่เปลี่ยนไป ในขณะนี้ โดยข้อดีของย่านรามอินทราคือเป็นย่านที่มีชุมชนอยู่อาศัยหนาแน่นและขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และ ระบบการขนส่งขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า ทางด่วน และ มอเตอร์เวย์ ที่สะดวกมากๆ