ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

คำศัพท์ที่ต้องรู้เกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์


ในแต่ละธุรกิจมักมีคำศัพท์เฉพาะของมัน ซึ่งจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับธุรกิจแฟรนไชส์เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับคำว่า “Franchise” เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ยังมีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้อีกมากมาย ซึ่งแต่ละคำจะเกี่ยวข้องกับงบเงินที่ผู้ลงทุนจะต้องจ่ายทั้งสิ้น

1.Franchise

หมายถึง ระบบธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เดียวกัน มีการบริหารจัดการภายใต้กฎและระบบเดียวกัน โดยเจ้าของสิทธิ์ (Franchisor) จะต้องเป็นผู้ถ่ายทอดวิทยาการความรู้ในการทำธุรกิจของตนให้แก่ผู้รับสิทธิ์ (Franchisee) อย่างใกล้ชิด ส่วนผู้รับสิทธิ์จะต้องดำเนินธุรกิจตามรูปแบบ และระบบธุรกิจของเจ้าของสิทธิ์ และต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการใช้ชื่อการค้าและค่าตอบแทนให้แก่เจ้าของสิทธิ์

2.Franchisor

หมายถึง เจ้าของสิทธิ์ หรือผู้ขายแฟรนไชส์ ซึ่งเป็นผู้ที่คิดค้นวิธีการทำธุรกิจจนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และเป็นผู้ขายสิทธิ์การดำเนินกิจการ ขายชื่อการค้าของตัวเอง รวมถึงขายระบบการจัดการธุรกิจทั้งหมดให้แก่ผู้รับสิทธิ์

3.Franchisee

หมายถึง ผู้รับสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจตามระบบที่เจ้าของสิทธิ์ได้จัดเตรียมไว้ รวมทั้งได้ใช้ชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้าเดียวกัน โดยต้องจ่ายค่าตอบแทนในการใช้สิทธิ์นั้น รวมทั้งจ่ายค่าตอบแทนตามผลประกอบการด้วย พูดง่ายๆ ก็คือเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์นั่นเอง

4.Franchise Fee

หมายถึง ค่าตอบแทนซึ่งเป็นจำนวนเงินที่แน่นอนตายตัว โดยจะจ่ายก่อนเริ่มดำเนินงาน หรือเรียกว่า ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ซึ่งถือเป็นการจ่ายค่าสิทธิ์ต่างๆ ให้แก่บริษัทแม่

5.Royalty Fee

เป็นค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายอย่างต่อเนื่องตามสัดส่วนของผลการดำเนินงาน อาจจะเรียกเก็บเป็นเปอร์เซ็นต์ ต่อเดือนหรือต่อปีจากยอดขาย หรืออาจจะเก็บจากยอดสั่งซื้อสินค้า

6.Advertising Fee

หมายถึง ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายอย่างต่อเนื่องตามสัดส่วนของการดำเนินงาน เพื่อนำไปใช้ในการโฆษณา ในส่วนนี้แฟรนไชซอร์อาจจะเรียกเก็บหรือไม่เก็บก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขตามที่ตกลงกัน

7.Franchise package Fee

หมายถึง ค่าตอบแทนในระบบหรือเทคนิคต่างๆ (เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกรวมๆ ถ้าพูดเมื่อไรก็ให้เข้าใจว่าหมายถึงค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ค่าอบรม ฯลฯ รวมเบ็ดเสร็จอยู่ในคำคำเดียว)

8.Sub-Franchise/Individual Franchise

หมายถึง ผู้รับสิทธิ์รายย่อยแบบตัวต่อตัว จากผู้ที่ได้รับสิทธิ์หรือผู้ที่เป็นเจ้าของสิทธิ์ ซึ่งอาจจะได้รับสิทธิ์ในการเปิดกิจการ ทั้งแบบ Single unit Franchise หมายถึง สิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจได้เพียง 1 แห่ง และ Multi unit Franchise หมายถึง สิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจได้หลายแห่ง แต่ทั้งนี้ผู้รับสิทธิ์ในการดำเนินกิจการทั้ง 2 กรณี ไม่มีสิทธิ์ที่จะขายแฟรนไชส์ต่อให้ผู้อื่นไปเปิดร้านได้อีก นอกจากเปิดเองเท่านั้น

9.Sub-Area License/Development Franchise

หมายถึง สิทธิ์แฟรนไชส์ในการพัฒนาอาณาเขต แฟรนไชเซอร์จะให้สิทธิในการขยายกิจการแก่แฟรนไชซี่ภายในอาณาเขตและระยะเวลาที่กำหนด โดยจะไม่มีใครได้รับสิทธิ์จากบริษัทแม่ให้ไปเปิดกิจการทับกันในอาณาเขตเดียวกันนี้อีกได้ ซึ่งรูปแบบนี้แตกต่างจาก Multi Unit Franchise คือ Sub-Area License สามารถที่จะขายซับแฟรนไชส์ต่อได้ เพื่อให้การขยายสาขาเป็นไปตามเป้าที่ตกลงกันไว้กับบริษัทแม่

10.Master Franchise

หมายถึง ผู้ที่ได้รับสิทธิ์จากบริษัทแม่ให้ดำเนินธุรกิจเป็นรายแรกในประเทศ และมักจะเป็นรายใหญ่ที่จะต้องทำการขยายสาขาออกไปให้ทั่วประเทศ โดยผู้ที่เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์นี้จะได้รับการถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการบริหารในระดับสูงขึ้น

11.Offering Circular

หมายถึง หนังสือเปิดเผยรายละเอียดแฟรนไชส์ ที่ผู้ขายแฟรนไชส์ต้องจัดทำขึ้น เพื่อเสนอรายละเอียดของแฟรนไชส์อย่างเปิดเผย ให้แก่ผู้ที่จะซื้อในการตัดสินใจก่อนซื้อแฟรนไชส์ โดยหนังสือนี้จะมีหัวข้อสำคัญๆ เช่น ประวัติผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ค่าธรรมเนียม จำนวนร้านสาขาแฟรนไชส์ รวมถึงจำนวนร้านที่ปิด และคดีฟ้องร้องที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ