เชื่อว่าหนึ่งในความฝันของใครหลายคน คือ การเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งเมื่อดูจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของทำเล เงินลงทุน รสชาติ และการบริการแล้ว สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น นั่นก็คือสไตล์การออกแบบตกแต่งร้าน เพราะถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถเรียกลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ชี้ช่องรวย จึงขอนำเอาสไตล์ร้านกาแฟมาให้เป็นทางเลือกในการพิจารณา โดยมีงบน้อยก็สามารถทำได้มาฝาก จะเป็นสไตล์อะไรบ้างนั้น เราไปดูกันค่ะ
1. Scandinavian Style
ตกแต่งร้านกาแฟด้วยสไตล์อบอุ่น ผสานไปกับความหอมกรุ่นของการคั่วเมล็ดกาแฟ ด้วยสไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian) หรือที่บางครั้งเราเรียกกันว่า สไตล์ นอร์ดิก (Nordic Style) ไอเดียการแต่งร้านละมุนสายตานี้เป็นการตกแต่งบ้านของคนในแถบยุโรปเหนือ โดยได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า Organic Form
สไตล์สแกนดิเนเวียนเน้นใช้ความสว่างของสีขาวเป็นหลักเพื่อความนุ่มนวล บางครั้งมักจะถูกนำมาผสมกับการตกแต่งร้านที่มีลวดลายแนว Retro ในโทนสีพาสเทล ทำให้เส้นสายออกมาดูนุ่มนวลกว่างาน Modern ดูทันสมัยในขณะที่มีความย้อนยุคอยู่เช่นกัน เป็นอีกสไตล์หนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความน่าสนใจ เน้นการใช้ฟังก์ชั่นที่เรียบง่าย ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพิ่มความโปร่งให้กับร้านกาแฟของคุณโดยใช้หน้าต่างกระจก รับแสงธรรมชาติเข้ามา ลงตัวกับเฟอร์นิเจอร์สีโทนอ่อน สบายตา ที่ทำให้บรรยากาศร้านดูอบอุ่นน่านั่งมากยิ่งขึ้น
ผสมผสานเข้ากับความเป็นธรรมชาติ ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้และตกแต่งด้วยต้นไม้ เพิ่มสีเขียวสบายตาเข้าไป โดยจะเน้นใช้สีเอิร์ธโทนเป็นหลัก เลียนสีสันของธรรมชาติ เช่น โทนสีสว่าง โทนสีขาวเทา โทนสีน้ำเงินอมเขียว เป็นต้น
2. Modern Style
การตกแต่งร้านกาแฟด้วยสไตล์โมเดิร์น (Modern) นับว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์อมตะ ที่ถูกนำไปผสมผสานกับการตกแต่งสไตล์อื่นๆ ได้อีกมากมาย ด้วยความเรียบง่ายและดูดี มองได้ไม่มีเบื่อ แต่ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่น สามารถปรับแต่ง เพิ่มเติมลูกเล่นให้มีสีสันและสไตล์ที่แปลกใหม่ได้เช่นกัน ทั้งยังหาเฟอร์นิเจอร์มาจับชุดเข้าคู่กันได้อย่างสวยงาม หนึ่งในหัวใจสำคัญของการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น คือการเลือกโทนสี ควรใช้โทนสีเรียบๆ ไม่จัดจ้านจนเกินไป เช่น สีขาว เทา ดำ หรือจะเพิ่มความอ่อนหวานให้แก่ร้านของคุณด้วยการใช้สีโทนอ่อน ดูสบายตาและเรียบหรูไปได้พร้อมๆ กัน
นอกจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่าย เข้ากันดีกับโทนสีของร้านแล้ว อย่าลืมลองเพิ่มลูกเล่นได้ง่ายๆ ด้วยการจัดไฟ อาจใช้โคมไฟเพดานดีไซน์เท่ๆ หรือโคมไฟตั้งพื้นก็สวยไม่แพ้กัน ควรเลือกใช้ไฟที่เป็นแสงสลัวๆ ไม่สว่างจ้ามากจนเกินไป เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและเรียบหรูให้กับร้านของคุณ
3. Rustic Style
ดื่มกาแฟยามเช้าในบรรยากาศเรียบง่าย อบอุ่นสไตล์ชนบท ด้วยการตกแต่งร้านกาแฟสไตล์รัสติค (Rustic) หรือที่เรียกกันว่า Country style ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากบ้านแบบ American traditional log home หรือบ้านของชาวอเมริกันที่มีการใช้ไม้ซุงท่อนใหญ่มาสร้างบ้าน พัฒนาผสมกับรูปแบบของ Farm house หรือ โรงนา
ความโดดเด่นของสไตล์รัสติค คือการนำไอเดียของการเผยให้เห็นพื้นผิวที่เป็นเนื้อแท้ หรือธรรมชาติของวัสดุนั้นมาใช้ โดยจะใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้หรืองานเหล็ก ที่มีร่องรอยของความเก่าและสนิม ไปจนถึงพื้น ผนัง ฝ้าต่างๆ ที่อาจเป็นผนังอิฐก่อโชว์แนว หรือแม้แต่การกร่อน ไม่สมบูรณ์ของอิฐ เหมือนการถูกปล่อยให้เป็นไปตามกาลเวลา การตกแต่งร้านกาแฟผสมผสานระหว่างของเก่าและของใหม่ให้เกิดความลงตัวมากที่สุด
รูปทรงและสี มีผลต่อการตกแต่งร้านสไตล์นี้เป็นอย่างมาก โดยจะยึดรูปทรงและสีธรรมชาติเดิมของวัสดุนั้นๆไว้ให้มากที่สุด เช่น โต๊ะที่มีขาทำจากท่อนไม้ อาจคงความขรุขระ คงตาไม้ไว้ ให้มีรูปทรงและผิวแบบเดิมมากที่สุด หรือจะเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูนที่มีร่องรอยความเก่า มีการกะเทาะของปูน เราอาจคงไว้ให้เห็นบางส่วน เพื่อเพิ่มความเป็น Rustic Style ส่วนผนังบางส่วนที่ชำรุดมาก อาจต้องซ่อมแซมเพื่อให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย
4. Industrial & Loft Style
อีกหนึ่งสไตล์การตกแต่งร้านกาแฟยอดฮิตที่พบเห็นได้ตามร้านกาแฟและคาเฟ่สวยๆ ในทุกวันนี้ โดยจุดเด่นของการตกแต่งร้านสไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์ (Industrial Loft) คือการดึงสีธรรมชาติของไม้ เหล็ก สนิม ปูน อิฐ รวมไปถึงความโปร่งใสของวัสดุแก้วและกระจก ทั้งโครงเหล็กสีดำปล่อยว่างบนเพดาน ท่อ Pipe น้ำที่โผล่ให้เห็นทุกๆที่ ฝาผนังที่ไม่ได้ฉาบปูนเห็นเป็นเนื้ออิฐเรียงราย เน้นเรื่องของต้นทุนการแต่งร้านและลดทอนเหลือแต่ประโยชน์การใช้งานล้วนๆ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียการแต่งร้านกาแฟที่เข้าทางคำว่า งบน้อย เลยทีเดียว
จุดเด่นของสไตล์ลอฟท์คือการเผยความดิบเปลือยของโครงสร้างต่างๆ และเน้นการใช้เพดานสูงเพื่อเพิ่มความโล่งโปร่งให้แก่ร้าน ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป นอกจากนี้ยังนิยมผสมผสานความเป็นวินเทจเข้าด้วยกันโดยใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสมัยก่อน อย่างเฟอร์นิเจอร์ไม้ ผสมกับการใช้เฟอร์นิเจอร์เหล็ก เช่น เก้าอี้ Stool หรือ เก้าอี้ที่มีเพียงโครงเหล็กและไม้มาวางไว้ เป็นต้น
นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ต้นไม้ หรืออุปกรณ์ตกแต่งอื่นมาลดทอนความแข็งและความดิบของพื้นที่ปูนเปลือย หรือโครงเหล็กต่างๆ เพื่อทำให้ไม่รู้สึกเหมือนโรงงานจนเกินไป บวกกับการจัดไฟด้วยการเลือกใช้ไฟสีเหลืองนวล หรือหลอดไฟไส้กลมดวงโต (Light Bulb) ที่สวยเข้ากันดีกับโทนของร้านได้เช่นกัน
สไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์และรัสติคอาจดูมีความใกล้เคียงกันในแง่ของการตกแต่งเพื่อคงความเป็นธรรมชาติของวัสดุที่ใช้ให้มากที่สุด เปลือยองค์ประกอบต่างๆ ให้ถึงร่องรอยของความเก่าและอายุการใช้งาน แต่ทั้งสองสไตล์ก็มีความแตกต่างกันไป เช่น อินดัสเทรียลลอฟท์จะให้ความรู้สึกของโครงสร้างที่ดิบกว่า อาจไม่ได้ดูนุ่มนวลเท่าการตกแต่งสไตล์รัสติค
5. Retro Style
เท่ห์ไม่เหมือนใคร ด้วยการตกแต่งร้านกาแฟสไตล์เรโทร (Retro) สร้างบรรยากาศที่ดูสนุกสนาน มีชีวิตชีวามากขึ้น เอกลักษณ์ของสไตล์ Retro คือ เรื่องสีสันและรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์แตกต่างกัน แต่ยังคงความเรียบง่ายและดูร่วมสมัย ผสมผสานความเป็นอดีตและปัจจุบันได้อย่างลงตัว โดยตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่มาจากยุค 50′s, 60′s และ 70′s ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในยุคเก่าๆ อีกครั้ง
ไอเดียการแต่งสไตล์ย้อนยุคมักจะได้อิทธิพลมาจากแฟชั่นในแต่ละยุค ซึ่งมีเอกลักษณ์และความแตกต่างกันไป สไตล์ Retro กับ Vintage อาจเป็นสองสไตล์ที่หลายคนยังแยกความแตกต่างไม่ได้ โดยการตกแต่งร้านสไตล์ Retro จะดูทันสมัยและให้ความรู้สึกสนุกสนานกว่า แตกต่างจากสไตล์ Vintage ที่จะให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนหวานมากกว่า จะเพิ่มความเท่ด้วยการเพนท์กำแพงเป็นรูปวาดหรือข้อความต่างๆ ในสไตล์ยุค 50-70’s หรือจะใช้วอลเปเปอร์ในสีสันต่างๆ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศสนุกสนานให้กับร้านได้มากขึ้น พาลูกค้าของคุณให้หลุดเข้าไปในอีกยุคได้ง่ายๆ ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เก๋าสีสด หรือเป็นลายกราฟิคแปลกตา ดึงชีวิตชีวาของความเป็น Retro กลับมาอีกครั้ง
ในตอนนี้บริษัทเฟอร์นิเจอร์เจ้าใหญ่ๆ มีเฟอร์นิเจอร์สไตล์ Retro ให้เลือกหลากหลายมากขึ้น แต่หากอยากได้กลิ่นอายของวันวานในอดีตอย่างแท้จริง เฟอร์นิเจอร์ช่วงยุค 50’s , 70’s ตามแหล่งขายเฟอร์นิเจอร์มือสองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ อย่างเช่น โซฟาเบาะหนังสีเข้ม ให้กลิ่นอายหนังเก่าที่ผ่านการใช้งานแล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในวันเก่าๆ
6. Tropical Style
การตกแต่งร้านสไตล์ Tropical คือการดึงสีสันสดใสของธรรมชาติและเอกลักษณ์ของพืชพรรณจากภูมิประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น การตกแต่งสไตล์นี้จึงเป็นการผสานพื้นที่อยู่อาศัยและธรรมชาติแวดล้อมให้ไปด้วยกันอย่างลงตัว เน้นพื้นที่เปิดโล่งรับลม หรือสรรหาวัสดุท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ไม้ ไม้ไผ่ หวาย เป็นต้น
เราอาจคุ้นเคยกันดีกับแพทเทิร์นของไม้จำพวกเฟินที่ให้สีเขียวแก่และสีชมพูสดของดอกลั่นทมบนผนัง จนเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของป่าร้อนชื้น รวมถึงลวดลายบนปลอกหมอนและเบาะนั่งของโซฟา ซึ่งมักจะนิยมมาใช้ตกแต่งเพื่อให้ร้านเข้ากับความเป็น Tropical Style มากยิ่งขึ้น
การตกแต่งสไตล์ Tropical ยังเหมาะนำมาใช้กับพื้นที่ outdoor ที่เปิดรับแสงแดดและสายลม นั่งจิบน้ำผลไม้ พูดคุยเล่นกับกลุ่มเพื่อน ก็นับว่าเป็นสถานที่ที่พักผ่อนที่ไม่เลวเลยทีเดียว ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังได้ไปเที่ยวพักผ่อนตากอากาศชมวิวอยู่ที่บ้านริมทะเลซักหลัง ทำให้ให้มีรูปแบบเหมือนได้ไปพักผ่อนตากอากาศ เป็นการสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย แตกต่างจากคาเฟ่อื่นๆ ที่เราเคยเห็นได้อีกด้วย
เพิ่มบรรยากาศของความเป็นป่าร้อนชื้นเข้าไปด้วยการสรรหาต้นไม้ใบสวยๆ สักต้นสองต้นมาไว้ในห้องของคุณ อย่างต้นจั๋ง ต้นไทรใบเล็ก ต้นหมากผู้หมากเมีย หรือต้นฟิโลเดนดรอน (ที่หน้าตาคล้ายใบมะละกอ) วางไว้มุมใดมุมหนึ่งในห้อง ช่วยเสริมบรรยากาศหน้าร้อนได้อย่างดี โดยเฉพาะต้นไทรใบเล็กนั้นไม่ต้องการน้ำมากและยังดูแลรักษาง่าย นอกจากนี้ยังตกแต่งพื้นหรือฝ้าเพดานด้วยสีสันของธรรมชาติ อย่างสีเขียวแก่ เป็นลวดลายต่างๆ ให้บรรยากาศรอบตัวมีชีวิตชีวามากขึ้น
และอีกหนึ่งไอเดียที่กำลังฮอตฮิตอย่างมาก คือ ร้านกาแฟสไตล์บ้านทุ่ง สำหรับเจ้าของร้านที่มีร้านกาแฟอยู่ท่ามกลางชนบท ซึ่งตอนนี้ มีกลุ่มสตาร์ทอัพได้มองเห็นจุดขายในเรื่องความเป็นธรรมชาติ โดยมีการตกแต่งร้านแบบ Open Air ให้ลมธรรมชาติโกรกเข้ามาในร้าน ใช้วัสดุตกแต่งที่มาจากธรรมชาติ รวมไปถึงบางร้านทำมุมถ่ายภาพสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเซลฟี่อีกด้วย ไอเดียนี้ถือว่าไมาเลวเลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.wongnai.com