ปัจจุบันช่องทางออนไลน์ดูจะเป็นช่องทางหลักในการขายสินค้า เพราะดูจะมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหายได้ง่าย และรวดเร็ว วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาแนะนำเทคนิคการเขียนแคบชั่นให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และน่าสนใจ เรียกได้ว่าเห็นแล้วตัดสินใจซื้อทันที มาดูกันว่าจะต้องทำอย่างไร
รูปแบบที่ 1 แคปชั่นขายแบบ FAB (Feature Advantage and Benefit)
เทคนิคการเขียนแคปชั่นขายของแบบพูดถึงคุณสมบัติ จุดแข็งของสินค้า เป็นเทคนิคการเขียนทีคนขายออนไลน์เลือกใช้มากที่สุด เพราะว่าเหมาะกับสินค้าที่มีคู่แข่งเยอะ สินค้าที่จำเป็นต้องสร้างความแตกต่างให้ลูกค้ารับรู้ให้ได้ เพื่อเปิดโอกาสในการขายสินค้าให้สำเร็จ โดย FAB ย่อมาจาก
Features : ต้องบอกถึงคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการของร้านเราให้ได้
Advantages : บอกจุดแข็งหรือความแตกต่างของสินค้า ดีกว่าหรือต่างจากสินค้าชนิดเดียวกันในท้องตลาดอย่างไรบ้าง จุดแข็งของสินค้าที่ช่วยแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างแน่นอน
Benefits : ประโยชน์หรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ลูกค้าจะได้รับ เมื่อซื้อหรือใช้งานจากสินค้าของเรา
ตัวอย่างแคปชั่นแบบ FAB
Features : โลชั่นกันแดดปกป้องผิวจากแสงแดดที่มีรังสี UVA / UVB ไม่ว่าจะแดดแรงแค่ไหนก็เอาอยู่
Advantages : โลชั่นกันแดด…. ส่วนผสมของ SPF 50 PA+++ ป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Benefits : ปกป้องผิวสาวขาวแท้แดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้ปิวคล้ำไม่ว่าจะแดดแรงแค่ไหน
—————
รูปแบบที่ 2 แคปชั่นขายแบบ BAB (Before After and Bridge)
เทคนิคการเขียนแคปชั่นแบบมีการเปรียบเทียบ ก่อนใช้กับหลังใช้งาน เหมาะกับสินค้าหรือบริการที่มีการวัดผลได้อย่างชัดเจน เห็นผลลัพธ์หลังจากการใช้งานเป็นเครื่องพิสูจน์สินค้า โดย BAB ย่อมาจาก
Before : ก่อนจะเจอสินค้าจากเราลูกค้ามีความต้องการอย่างไร ปัญหาของลูกค้าคืออะไร
After : เมื่อใช้สินค้าจากเรา ลูกค้าจะได้รับ สะดวกขึ้น ดีอย่างไร ช่วยแก้ปัญหาจุดไหนของลูกค้าบ้าง
Bridge : จุดเชื่อมระหว่าง Before และ After คือสินค้าของเรา ที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ผลลัพธ์ไปเป็น After
ตัวอย่างแคปชั่นแบบ BAB
Before : มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวหยาบกร้าน มีจุดด่างดำ จากการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
After : ฟื้นฟูผิวหน้ากลับมาขาวใสได้อีกครั้งในระยะเวลา 30 วัน
Bridge : ครีมกันแดดของเราช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยส่วนผสมที่ดีที่สุด ช่วยสร้างเส้นใยผิวหนังให้แข็งแรง ป้องกัน UVA/UVB ให้ได้ผล มีส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
—————
รูปแบบที่ 3 แคปชั่นขายแบบ PAS (Problem Agitate and Solve)
เทคนิคการเขียนแคปชั่นแบบมีการขยี้ความเจ็บปวด ชี้ปัญหาที่ลูกค้าของเรากำลังประสบอยู่นั้น เพื่อสร้างโอกาสในการขายสินค้าของเรามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ผู้ขายเองก็ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้าด้วย โดย PAS ย่อมาจาก
Pain, Problem : ต้องเข้าใจถึงความทุกข์ ความเจ็บปวด หรือปัญหาของลูกค้าที่กำลังประสบอยู่ในขณะนั้น
Agitate : ชี้ให้เห็นว่าปัญหาที่ลูกค้ากำลังพบ ส่งผลกระทบหลายอย่าง ต้องแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว
Solve : สินค้าจากเราช่วยแก้ปัญหาที่ลูกค้ากำลังพบอยู่ได้อย่างแน่นอน
ตัวอย่างแคปชั่นแบบ PAS
Pain, Problem : สายตาพร่ามั่ว ปวดหัวขณะทำงานหน้าคอมเป็นระยะเวลานาน
Agitate : ส่งผลให้หารทำงาน คิดวิเคราะห์ไม่มีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ของงานไม่ดีเท่าที่ควร
Solve : ลองใช้แว่นกล่องแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอม เลนส์ตัดแสงสีฟ้า หรือ เลนส์ป้องกันแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันดวงตา ไม่ว่าจะเป็นที่ร่มหรือกลางแจ้งก็จะช่วยป้องกันแสงสีฟ้าได้ตลอดเวลา
ทั้ง 3 รูปแบบนี้เป็นแนวทางการเขียนแคปชั่นเพื่อการขายสินค้าสำหรับร้านค้าออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบอื่นที่เราจะต้องให้ความสำคัยไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ รวมไปถึงการเลือกเวลาการโพส เป็นต้น