“พาณิชย์” ผนึกกำลัง ททท. ลงนามความร่วมมือในการพัฒนาและเชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยวในรูปแบบ Trade & Tourism Alliance : TTA เตรียมชี้เป้าแหล่งจำหน่าย สถานที่ใช้บริการ ก่อนโปรโมทให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยว ชม ชิม ช็อป มั่นใจช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และช่วยโปรโมทสินค้าและบริการของไทยผ่านการพูดปากต่อปากของนักท่องเที่ยว
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์โดย 6 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาและเชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยวในรูปแบบ Trade & Tourism Alliance : TTA กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เพื่อร่วมมือกันในการพัฒนาและเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวในกลุ่มธุรกิจเป้าหมายให้สามารถตอบสนองและดึงดูดรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในทางตรงและทางอ้อม พร้อมทั้งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านการค้าระหว่างประเทศและการท่องเที่ยวของไทย ก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ตลอดจนสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของประเทศได้อย่างยั่งยืน
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ จะร่วมกันส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ โดยจะเชื่อมโยงกิจกรรมต่างๆ ของทั้งสองหน่วยงานให้สามารถส่งเสริมสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการโดยตรงเพื่อไปจำหน่ายในแหล่งท่องเที่ยวที่จะมีการกำหนดร่วมกันกับ ททท. รวมถึงผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายในภูมิภาค มหกรรมการค้าชายแดน และตลาดต้องชมที่อยู่ในการส่งเสริมของกระทรวงพาณิชย์ประมาณ 220 แห่งทั่วประเทศ
ซึ่งในระยะเริ่มต้นจะทำการเชื่อมโยงการค้ากับการท่องเที่ยวในกลุ่มสินค้าและบริการเป้าหมายนำร่อง ได้แก่ ธุรกิจบริการสุขภาพ (Health and Wellness) ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนเกษตรและเกษตรนวัตกรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ธุรกิจแฟรนไชส์ และร้านอาหารไทยที่ได้รับเครื่องหมาย Thai Select ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 672 ร้านทั่วประเทศ และจะเพิ่มจำนวนเป็นกว่า 800 ร้านค้าภายในปี 2562 โดยคาดว่าภายหลังจากการลงนามจะสามารถสร้างมูลค่าธุรกิจร้านอาหารเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30
นอกจากนี้ จะร่วมมือกันในการพัฒนาผู้ประกอบการ โดยจะเชื่อมโยงผู้ประกอบการท้องถิ่นและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่กระทรวงฯ ได้เข้าไปส่งเสริมและพัฒนา เพื่อผลักดันให้เป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพและผู้ส่งออกรายใหม่ และจะทำการเชื่อมโยงด้านข้อมูลระหว่างสองหน่วยงาน ทั้งในด้านการค้า การประชาสัมพันธ์ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มุ่งเน้นให้เกิดการบูรณาการการใช้ข้อมูลบนพื้นฐานเดียวกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดความซับซ้อนของข้อมูล และจะช่วยให้ข้อมูลที่นำไปใช้ประโยชน์มีความทันสมัยอยู่เสมอ เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างกัน ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานความร่วมมือที่เกิดขึ้น นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทั้งสองหน่วยงานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ที่ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน
โดยกระทรวงพาณิชย์จะใช้กลไกที่มีอยู่ในการเข้าไปช่วยพัฒนาผู้ประกอบการรายเล็ก วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างทั่วถึง ขณะที่ ททท. จะใช้กลไกที่มีอยู่ทำการประชาสัมพันธ์ และผลักดันให้นักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่ได้ทำการเชื่อมโยงการค้าและบริการเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน
“จากการลงนาม MOU ดังกล่าว คาดว่าจะเป็นการเพิ่มมิติการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ สร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น สามารถยกระดับรายได้กลุ่มประชากรร้อยละ 40 ที่มีรายได้ต่ำสุดให้เพิ่มขึ้นปีละร้อยละ 15 ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่ 2 ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ปรับบทบาทการทำงานในมิติใหม่เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจท้องถิ่นในต่างจังหวัดสู่การส่งออกไปตลาดต่างประเทศ (Local to Global)
ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจชุมชนฐานราก อีกทั้งจะเป็นการทำงานเชิงรุกร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และ ททท. ทั้งด้านภายในประเทศและต่างประเทศผ่านเครือข่ายของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อผลักดันการขยายการค้าพร้อมการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. จะสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ และเครือข่ายของสำนักงาน ททท. ทั้งสำนักงานในประเทศ 45 สำนักงาน และสำนักงานต่างประเทศ 29 สำนักงาน เพื่อแนะนำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายที่ได้มีการเชื่อมโยงการค้าและบริการเข้ากับการท่องเที่ยว
และจะช่วยโปรโมทธุรกิจบริการสุขภาพในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่ต้องเข้าไปใช้บริการ ร้านจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ ตลาดที่นักท่องเที่ยวต้องเข้าไปเที่ยวชมและซื้อสินค้า รวมถึงจะร่วมกันกำหนด Package ท่องเที่ยวเพื่อประชาสัมพันธ์ร้านอาหารไทยที่ได้รับเครื่องหมาย Thai Select ภายใต้โครงการ “EAT Thai Visit Thai” เป็นต้น
“สิ่งที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือนี้ จะก่อให้เกิดการขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอย่างมากมาย จะช่วยพัฒนาธุรกิจในชุมชน สร้างและยกระดับ SMEs รายใหม่ และที่สำคัญ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาประเทศไทย จะมีส่วนสำคัญในการนำรายได้มาสู่ชุมชน และยังเป็นบุคคลสำคัญที่นำสินค้าและบริการของไทยที่ได้มาพบ มาเห็น และใช้บริการไปเผยแพร่ในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าและบริการของไทย และขยายความต้องการของสินค้าไทยในตลาดโลกได้เพิ่มมากขึ้น” นางสาวชุติมากล่าวในตอนท้าย