กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สานต่อความสำเร็จการพัฒนาความพร้อมเกษตรกรและผู้ประกอบการนมโคไทย ใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอบุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ปักหมุดลงพื้นที่จัดสัมมนาที่นครราชสีมา พร้อมเตรียมออกบูธโชว์ความสำเร็จโครงการช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในงาน “เทศกาลโคนมแห่งชาติ” 28–29 มกราคมนี้ ที่จังหวัดสระบุรี
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กรมฯ ได้ทำงานร่วมกับกรมปศุสัตว์ สหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการโคนมทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด ลงพื้นที่เตรียมความพร้อมให้เกษตรกรและผู้ประกอบการนมโคไทยสามารถรับมือการเปิดตลาดให้กับผลิตภัณฑ์นมจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งพบว่าเกษตรกรโคนมไทยสามารถเพิ่มศักยภาพการเลี้ยงโคนม และผลิตน้ำนมดิบที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสมได้ กรมฯ จึงได้ดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยในปีนี้ กรมฯ จะนำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและการตลาดสินค้านมและผลิตภัณฑ์ ลงพื้นที่นครราชสีมาและสระบุรี
เพื่อจัดงานสัมมนา “ต่อยอดนมโคไทย ผลักดันใช้เอฟทีเอ” ณ โรงแรมเซอร์เจมส์ รีสอร์ทแอนด์คันทรีคลับ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และลงพื้นที่สำรวจศักยภาพบริษัทแมรี่ แอนด์ แดรี่ โปรดักส์ จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ “จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และจะเข้าร่วมงาน “เทศกาลโคนมแห่งชาติ” ประจำปี 2563 ณ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย จังหวัดสระบุรี ซึ่งกรมฯ ได้ร่วมออกบูธแสดงผลงานความสำเร็จของโครงการ “จัดทัพโคนมไทยบุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
นางอรมน เสริมว่า สำหรับงานสัมมนาครั้งนี้ จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มกราคม 2563 โดยจะมีการเสวนา 2 ช่วง คือ ช่วงแรก “โอกาสในการต่อยอดนมไทย ไปตลาดใหม่โดยใช้เอฟทีเอ” โดยเชิญผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการกับกรมฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มาเล่าประสบการณ์ ความสำเร็จ และบทเรียนที่ได้จากการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ นำนมและผลิตภัณฑ์นมของไทยไปเปิดตลาดที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และสิงคโปร์
ซึ่งได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับนมโคสดที่ส่งออกจากไทยแล้ว ส่วนในช่วงที่ 2 เป็นการเสวนาในหัวข้อ “อุดช่องว่าง สร้างรอยต่อ นมไทยใช้เอฟทีเอ” โดยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและศักยภาพเกษตรกรและผู้ประกอบการนมโคไทยในการบุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ หลังจากนั้น กรมฯ จะลงพื้นที่ เยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัท แมรี่ แอนด์ แดรี่ โปรดักส์ จำกัด ณ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของกรมฯ เพื่อศึกษาการจัดการฟาร์มโดยใช้เทคโนโลยีและระบบสารสนเทศ และกระบวนการผลิตสินค้านมที่เน้นการยกระดับมาตรฐานการผลิตให้สามารถใช้ประโยชน์จากเอฟทีได้อย่างเต็มที่
นางอรมน เพิ่มเติมว่า สำหรับวันที่ 29 มกราคม 2563 กรมฯ จะร่วมออกบูธจัดแสดงนิทรรศการความสำเร็จของ “โครงการจัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมนำเสนอแผนการทำงานในปีที่ 3 ในงาน “เทศกาลโคนมแห่งชาติ” ประจำปี 2563 ณ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อให้ข้อมูลและสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้เยี่ยมชมงาน โดยเฉพาะการพัฒนาสินค้า สร้างศักยภาพการแข่งขัน และการทำตลาดในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 2562 ไทยส่งออกนมและผลิตภัณฑ์สู่ตลาดโลกมูลค่า 536.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2561 ถึงร้อยละ 12 มีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ อาเซียน จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และ สหภาพยุโรป (มีเนเธอร์แลนด์เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 ในสหภาพยุโรป) สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต นม UHT นมถั่วเหลืองที่มีนมผสม และนม/ครีมที่ไม่เติมน้ำตาล เป็นต้น
ผู้สนใจข้อมูลการค้าระหว่างประเทศและการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ สามารถสืบค้นข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.dtn.go.th หรือ FTA Center ชั้น 3 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โทร. 0 2507 7555
