“วีรศักดิ์” นำทีมงานพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ดูศักยภาพการแปรรูปส้มแขกชุมชน ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบางหวานพัฒนา หาทางช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการผลิต พร้อมผลักดันให้ใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอในการเพิ่มโอกาสส่งออก และใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 6 กันยายน 2563 ได้นำทีมงานของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่เยี่ยมวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบางหวานพัฒนา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
เพื่อดูศักยภาพการผลิตและแปรรูปส้มแขก (ส้มควาย) และได้ใช้โอกาสนี้ พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเกษตรกรและผู้ประกอบการ พร้อมทั้งแนะนำให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA เป็นเครื่องมือช่วยในการส่งออกสินค้า และการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาด้วยการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือจดสิทธิบัตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์
นายวีรศักดิ์ เพิ่มเติมว่า ส้มแขกเป็นสมุนไพรที่นิยมปลูกทางใต้ของไทยโดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอลและลดความอยากรับประทานอาหาร จึงนิยมนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อลดน้ำหนัก โดยเฉพาะส้มแขกบดผงถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการลดความอ้วน การแปรรูปส้มแขก เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ถือเป็นต้นแบบที่ดีในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าในท้องถิ่น โดยผลิตภัณฑ์แปรรูปจากส้มแขกสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดคนรักสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นตลาดเฉพาะ หรือ niche market ที่มีกำลังซื้อสูง มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันสินค้าสมุนไพร และสารสกัดจากสมุนไพรของไทยได้รับการยกเว้นไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศคู่เอฟทีเอ 16 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรูและฮ่องกง แต่มี 2 ประเทศที่ยังคงเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสมุนไพรจากไทยในบางรายการ คือ เกาหลีใต้ เก็บภาษีนำเข้าโสมและสารสกัดจากโสม ที่อัตราระหว่าง 178.2-603.4% และอินเดีย เก็บภาษีนำเข้าสมุนไพรที่อัตรา 30%
สำหรับมูลค่าการส่งออกสมุนไพรของไทย ในปี 2562 มีมูลค่า 11.19 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.9% จากปีที่ผ่านมา ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น มูลค่า 3.65 ล้านเหรียญสหรัฐ จีน มูลค่า 3.15 ล้านเหรียญสหรัฐ และอาเซียน มูลค่า 0.90 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ไทยส่งออกสมุนไพร มูลค่า 10.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 58.38% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งตลาดที่มีการเติบโตสูงสุด ได้แก่ เวียดนาม ขยายตัว 388.23% จีน ขยายตัว 109.78% และบังคลาเทศ ขยายตัว 69.36%
ทั้งนี้ ผู้สนใจส่งออกต้องศึกษากฎระเบียบของไทยและประเทศผู้นำเข้าก่อน เพราะสมุนไพรส่วนใหญ่จะต้องมีการขออนุญาตผลิต ขาย และวางตลาด รวมทั้งต้องดูแลเรื่องฉลากสินค้า การตรวจสอบสุขอนามัยและความปลอดภัยและหากต้องการตรวจสอบข้อมูลอัตราภาษีศุลกากร และกฎระเบียบทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับคู่เอฟทีเอสามารถสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ http://ftacenter.dtn.go.th หรือ FTA Center ชั้น 3 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โทร. 0 2507 7555 และสามารถค้นหาข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาได้ที่ www.ipthailand.go.th หรือติดต่อขอรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม (IP IDE Center) ชั้น 4 กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 0 2547 5026