ในยุคค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นต้องหารายเสริมเพื่อพยุงฐานะทางการเงินของครอบครัว การมีความรู้ความสามารถในเรื่องการทำอาหาร โดยเฉพาะอาหารหวานดูจะได้เปรียบเพราะสามารถดัดแปลงทำขายในตลาดนัด หรือถ้าใครเชี่ยวชาญโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คก็อาจใช้ช่องทางนี้รับออเดอร์สร้างรายได้กลายเป็นอาชีพหลักได้เลยนะคะ ชี้ช่องรวย จึงขอแนะนำสูตรขนมหวานที่หลายคนชื่นชอบ เราไปติดตามกันเลยค่ะ
1.ขนมหม้อแกงไข่
ส่วนประกอบ
1.ไข่เป็ด 10 ฟอง
2.หัวกะทิ 2½ ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
4.น้ำตาลปีบ 1 ½ ถ้วยตวง
5.ใบเตย 3 ใบ
6.หัวหอมเจียว 1 ถ้วยตวง
7.แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
วิธีทำขนมหม้อแกง
1.ตอกไข่เป็ดทั้ง 10 ฟองใส่ในภาชนะเติมน้ำตาลทราย น้ำตาลปีบ ขยำด้วยใบเตยให้ส่วนผสมเข้ากัน
2.ละลายแป้งสาลีกับน้ำกะทิ 2 ถ้วย จากนั้นเทรวมกับไข่และส่วนผสมที่เตรียมไว้ ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
3.กรองส่วนผสมในข้อ 2 ด้วยผ้าขาวบาง
4.ตักส่วนผสมใส่ลงในพิมพ์หรือถาดจนหมด จากนั้นเทหัวกะทิลงในพิมพ์หรือถาดแต่ละอัน
5.นำขนมเข้าไปอบอุณหภูมิที่ 200 เซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
6.เมื่ออบจนสุกแล้วนำขนมออกมาโรยด้วยหอมเจียว
เคล็ดลับความอร่อย
1.ขนมหม้อแกงไข่ที่อร่อยต้องมีความมัน ในส่วนผสมจึงต้องใช้หัวกะทิที่มีความเข้มข้น
2.การตีไข่ควรตีให้ไข่ขาวแตกตัวจนขึ้นนวล
3.การอบต้องใช้ไฟบนน้อยกว่าไฟล่าง
2.ขนมปุยฝ้าย
ส่วนผสม
1.แป้งสาลี 450 กรัม
2.เอสพี (สารปรุงแต่งอาหารช่วยให้เนื้อขนมฟู) 1 ช้อนโต๊ะ
3.ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
4.ไข่ไก่ 2 ฟอง
5.น้ำตาลทราย 250 กรัม
6.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
7.นมข้น 1/2 กระป๋อง
8.น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
9.สีผสมอาหาร (เลือกสีตามความต้องการ)
10.กลิ่นมะลิ (หรือตามชอบ)
11.ลูกเกด (สำหรับแต่งหน้า)
วิธีทำขนมปุยฝ้าย
1.ผสมเอสพี น้ำตาลทรายและน้ำ 1 ถ้วยเข้าด้วยกัน จากนั้นคนด้วยเครื่องตีไข่ ระหว่างคนตอกไข่ลงไป 2 ฟองและคนต่อไปเรื่อยๆ
2.นำผงฟูผสมกับแป้งสาลี แล้วนำไปร่อน จากนั้นจึงใส่ผสมลงไปกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1 คนต่อไปให้เข้ากันทั่ว
3.ใส่น้ำ 1 ถ้วยตวง, นมข้น และน้ำมะนาว คนหรือตีต่อไปจนส่วนผสมขึ้นขาว จึงใส่สีและกลิ่นตามความชอบ
4.จากนั้นนำส่วนผสมไปหยอดลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ แต่งหน้าด้วยลูกเกด (แล้วแต่ความชอบ) และนำไปนึ่งโดยใช้ไฟแรงๆ ประมาณ 10 นาทีหรือจนสุก จึงยกลง
5.ทิ้งไว้ให้เย็น สามารถนำไปเสริฟทานได้ทันที
3.ขนมเทียนแก้ว
ส่วนผสม
1.ถั่วทองนึ่งสุกบดละเอียด 250 กรัม
2.เกลือ 1/2 ช้อนชา
3.น้ำตาลทราย (สำหรับกวนถั่ว) 250 กรัม
4.กะทิ (สำหรับกวนถั่ว) 250 กรัม
5.แป้งถั่วเขียว 500 กรัม กะทิ (สำหรับกวนตัวแป้ง) 250 กรัม
6.น้ำตาลทราย (สำหรับกวนแป้ง) 100 กรัม
7.ใบตองสำหรับห่อ หรือทำกระทง
วิธีทำ
เตรียมทำไส้
-นำถั่วทองสุกบด ผสมกับน้ำตาลทราย, กะทิ และเกลือ นำไปตั้งบนไฟร้อน ปานกลาง กวนจนส่วนผสมเหนียวข้นพอปั้นได้ จึงปิดไฟ พักไว้ให้เย็น แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ วางพักไว้ในถาดแบน
เตรียมทำตัวแป้ง
-นำกะทิ ผสมกับน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำไปตั้งบนไฟอ่อน กวนจนแป้งสุกใส จึงปิดไฟ (ถ้าต้องการให้ตัวแป้งมีสี สามารถใส่สีผสมเข้าไปได้ในขั้นตอนการกวน)
เตรียมใบตอง
-ตัดเป็นวงกลมให้ได้ตามขนาดกระทงที่ต้องการ จากนั้นจึงใส่ตัวไส้ลงไปในกระทง และตามด้วยตัวแป้ง (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2) ทิ้งไว้ให้เย็น ก็เสิร์ฟรับประทานได้
4.ขนมอาลัว
ส่วนผสม
1.แป้งสาลี 1 1/2 ถ้วยตวง
2.แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วยตวง
3.แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง
5.มะพร้าวขูด 350 กรัม
6.น้ำตาลทราย 5 1/2 ถ้วยตวง
7.สีผสมอาหาร (บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้ เช่น สีเขียว – ใบเตย, สีม่วง – ดอกอัญชัน)
วิธีทำ
1.นำมะพร้าวขูดไปผสมกับน้ำลอยดอกมะลิ จากนั้นนำไปคั้นจนได้น้ำกะทิ
2.นำแป้งสาลี, แป้งถั่วเขียว และแป้งมันร่อนผสมกัน
3.นำน้ำกะทิผสมกับแป้งและน้ำตาล คนจนละลายเข้ากันดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่สีผสมอาหารลงไป และกวนเรื่อยจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี (แป้งจะมีลักษณะเหนียวใสๆ ถ้านำไปหยอดในน้ำ แล้วแป้งยังคงรูปอยู่ก็เป็นอันใช้ได้)
4.นำน้ำแป้งที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วจึงบีบลงในถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ แล้วจึงนำไปตากแดดสัก 2 – 3 แดด เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียน
5.จัดใส่จานเสริฟได้ทันที หรือใส่กระปุกมิดชิดเก็บไว้รับประทานภายหลังได้
5.เม็ดขนุน
ส่วนผสม
1.ถั่วทอง หรือ ถั่วเขียวซีก 2 ถ้วย
2.หัวกะทิ ¼ ถ้วย
3.มะพร้าวขูด ¼ ถ้วย
4.ไข่แดงไข่เป็ด 10 ฟอง
5.น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
6.น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วย (ทำน้ำเชื่อม)
7.น้ำตาลทราย 3 ถ้วย (ทำน้ำเชื่อม)
วิธีทำ
1.นำถั่วทองแช่น้ำทิ้งไว้ก่อนเริ่มทำ (แนะนำให้แช่ก่อนนอน ตอนเช้าใช้ได้เลย) พอถั่วนิ่มแล้วนำมานึ่งจนสุก
2.บดถั่วให้ละเอียด แล้วผสมกับหัวกะทิ มะพร้าวขูด
3.นำลงไปกวนในกระทะทองเหลืองให้เข้ากันเติมน้ำตาลทราย แล้วกวนต่อจนส่วนผสมแห้งปั้นได้
4.ปั้นถั่วเป็นลูกรีๆ พักไว้
5.ตีไข่แดงให้เข้ากันกรองด้วยกระชอนเพื่อไม่ให้มีเศษของไข่ขาว
6.นำน้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทรายใส่ในกระทะทองเหลืองแล้วมาตั้งไฟ รอให้นำตาลละลาย ไม่ต้องคน พอน้ำตาลละลายและเดือดแล้ว ให้นำตะแกรงตาถี่มาตักเอาเศษหรือกากที่ไม่ต้องการออก จะได้น้ำเชื่อมที่ใส ปิดไฟ
7.นำถั่วที่ปั้นไว้ชุบไข่แดง แล้วหยอดลงในน้ำเชื่อมขณะที่น้ำเชื่อมยังร้อนอยู่ พอหยอดเต็มแล้ว เปิดไฟอีกครั้ง เปิดไฟให้น้ำเชื่อมเดือดอีกครั้งจนไข่สุก แล้วช้อนขึ้นก็จะได้เม็ดขนุนที่เหลืองสวยเป็นเงา
เคล็ดลับน่ารู้
– ไข่ที่ใช้ชุบเม็ดขนุนจะต้องเป็นไข่ที่สดมากๆ เพราะจะติดเม็ดขนุนมากกว่าไข่ที่ไม่สด
– ไม่ควรใส่มะพร้าวหรือกะทิในส่วนผสมของถั่วมากเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อลื่น ชุบไข่ไม่ค่อยติด
– ความใสความข้นของน้ำเชื่อมก็มีผลต่อการชุบไข่เช่นกัน ถ้าน้ำเชื่อมใสเกินไปไข่ก็จะไม่ค่อยติด หากต้องการให้ติดไข่หนาหน่อย ควรเคี่ยวน้ำตาลให้นานขึ้น เพื่อให้น้ำเชื่อมข้น