ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

เปิดตำรับ 5 ขนมไทย สร้างอาชีพ สำหรับขายตามตลาดนัด หรือช่องทางออนไลน์


ในยุคค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นต้องหารายเสริมเพื่อพยุงฐานะทางการเงินของครอบครัว การมีความรู้ความสามารถในเรื่องการทำอาหาร โดยเฉพาะอาหารหวานดูจะได้เปรียบเพราะสามารถดัดแปลงทำขายในตลาดนัด หรือถ้าใครเชี่ยวชาญโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คก็อาจใช้ช่องทางนี้รับออเดอร์สร้างรายได้กลายเป็นอาชีพหลักได้เลยนะคะ ชี้ช่องรวย จึงขอแนะนำสูตรขนมหวานที่หลายคนชื่นชอบ เราไปติดตามกันเลยค่ะ

1.ขนมหม้อแกงไข่

ส่วนประกอบ

1.ไข่เป็ด 10 ฟอง

2.หัวกะทิ 2½ ถ้วยตวง

3.น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง

4.น้ำตาลปีบ 1 ½ ถ้วยตวง

5.ใบเตย 3 ใบ

6.หัวหอมเจียว 1 ถ้วยตวง

7.แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง

วิธีทำขนมหม้อแกง

1.ตอกไข่เป็ดทั้ง 10 ฟองใส่ในภาชนะเติมน้ำตาลทราย น้ำตาลปีบ ขยำด้วยใบเตยให้ส่วนผสมเข้ากัน

2.ละลายแป้งสาลีกับน้ำกะทิ 2 ถ้วย จากนั้นเทรวมกับไข่และส่วนผสมที่เตรียมไว้ ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

3.กรองส่วนผสมในข้อ 2 ด้วยผ้าขาวบาง

4.ตักส่วนผสมใส่ลงในพิมพ์หรือถาดจนหมด จากนั้นเทหัวกะทิลงในพิมพ์หรือถาดแต่ละอัน

5.นำขนมเข้าไปอบอุณหภูมิที่ 200 เซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

6.เมื่ออบจนสุกแล้วนำขนมออกมาโรยด้วยหอมเจียว

เคล็ดลับความอร่อย

1.ขนมหม้อแกงไข่ที่อร่อยต้องมีความมัน ในส่วนผสมจึงต้องใช้หัวกะทิที่มีความเข้มข้น

2.การตีไข่ควรตีให้ไข่ขาวแตกตัวจนขึ้นนวล

3.การอบต้องใช้ไฟบนน้อยกว่าไฟล่าง

2.ขนมปุยฝ้าย

ส่วนผสม

1.แป้งสาลี 450 กรัม

2.เอสพี (สารปรุงแต่งอาหารช่วยให้เนื้อขนมฟู) 1 ช้อนโต๊ะ

3.ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ

4.ไข่ไก่ 2 ฟอง

5.น้ำตาลทราย 250 กรัม

6.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

7.นมข้น 1/2 กระป๋อง

8.น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง

9.สีผสมอาหาร (เลือกสีตามความต้องการ)

10.กลิ่นมะลิ (หรือตามชอบ)

11.ลูกเกด (สำหรับแต่งหน้า)

วิธีทำขนมปุยฝ้าย

1.ผสมเอสพี น้ำตาลทรายและน้ำ 1 ถ้วยเข้าด้วยกัน จากนั้นคนด้วยเครื่องตีไข่ ระหว่างคนตอกไข่ลงไป 2 ฟองและคนต่อไปเรื่อยๆ

2.นำผงฟูผสมกับแป้งสาลี แล้วนำไปร่อน จากนั้นจึงใส่ผสมลงไปกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1 คนต่อไปให้เข้ากันทั่ว

3.ใส่น้ำ 1 ถ้วยตวง, นมข้น และน้ำมะนาว คนหรือตีต่อไปจนส่วนผสมขึ้นขาว จึงใส่สีและกลิ่นตามความชอบ

4.จากนั้นนำส่วนผสมไปหยอดลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ แต่งหน้าด้วยลูกเกด (แล้วแต่ความชอบ) และนำไปนึ่งโดยใช้ไฟแรงๆ ประมาณ 10 นาทีหรือจนสุก จึงยกลง

5.ทิ้งไว้ให้เย็น สามารถนำไปเสริฟทานได้ทันที

3.ขนมเทียนแก้ว

ส่วนผสม

1.ถั่วทองนึ่งสุกบดละเอียด 250 กรัม

2.เกลือ 1/2 ช้อนชา

3.น้ำตาลทราย (สำหรับกวนถั่ว) 250 กรัม

4.กะทิ (สำหรับกวนถั่ว) 250 กรัม

5.แป้งถั่วเขียว 500 กรัม กะทิ (สำหรับกวนตัวแป้ง) 250 กรัม

6.น้ำตาลทราย (สำหรับกวนแป้ง) 100 กรัม

7.ใบตองสำหรับห่อ หรือทำกระทง

วิธีทำ

เตรียมทำไส้

-นำถั่วทองสุกบด ผสมกับน้ำตาลทราย, กะทิ และเกลือ นำไปตั้งบนไฟร้อน ปานกลาง กวนจนส่วนผสมเหนียวข้นพอปั้นได้ จึงปิดไฟ พักไว้ให้เย็น แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ วางพักไว้ในถาดแบน

เตรียมทำตัวแป้ง

-นำกะทิ ผสมกับน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำไปตั้งบนไฟอ่อน กวนจนแป้งสุกใส จึงปิดไฟ (ถ้าต้องการให้ตัวแป้งมีสี สามารถใส่สีผสมเข้าไปได้ในขั้นตอนการกวน)

เตรียมใบตอง

-ตัดเป็นวงกลมให้ได้ตามขนาดกระทงที่ต้องการ จากนั้นจึงใส่ตัวไส้ลงไปในกระทง และตามด้วยตัวแป้ง (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2) ทิ้งไว้ให้เย็น ก็เสิร์ฟรับประทานได้

4.ขนมอาลัว

ส่วนผสม

1.แป้งสาลี 1 1/2 ถ้วยตวง

2.แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วยตวง

3.แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ

4.น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง

5.มะพร้าวขูด 350 กรัม

6.น้ำตาลทราย 5 1/2 ถ้วยตวง

7.สีผสมอาหาร (บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้ เช่น สีเขียว – ใบเตย, สีม่วง – ดอกอัญชัน)

วิธีทำ

1.นำมะพร้าวขูดไปผสมกับน้ำลอยดอกมะลิ จากนั้นนำไปคั้นจนได้น้ำกะทิ

2.นำแป้งสาลี, แป้งถั่วเขียว และแป้งมันร่อนผสมกัน

3.นำน้ำกะทิผสมกับแป้งและน้ำตาล คนจนละลายเข้ากันดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่สีผสมอาหารลงไป และกวนเรื่อยจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี (แป้งจะมีลักษณะเหนียวใสๆ ถ้านำไปหยอดในน้ำ แล้วแป้งยังคงรูปอยู่ก็เป็นอันใช้ได้)

4.นำน้ำแป้งที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วจึงบีบลงในถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ แล้วจึงนำไปตากแดดสัก 2 – 3 แดด เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียน

5.จัดใส่จานเสริฟได้ทันที หรือใส่กระปุกมิดชิดเก็บไว้รับประทานภายหลังได้

5.เม็ดขนุน

ส่วนผสม

1.ถั่วทอง หรือ ถั่วเขียวซีก 2 ถ้วย

2.หัวกะทิ ¼ ถ้วย

3.มะพร้าวขูด ¼ ถ้วย

4.ไข่แดงไข่เป็ด 10 ฟอง

5.น้ำตาลทราย 1 ถ้วย

6.น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วย (ทำน้ำเชื่อม)

7.น้ำตาลทราย 3 ถ้วย (ทำน้ำเชื่อม)

วิธีทำ

1.นำถั่วทองแช่น้ำทิ้งไว้ก่อนเริ่มทำ (แนะนำให้แช่ก่อนนอน ตอนเช้าใช้ได้เลย) พอถั่วนิ่มแล้วนำมานึ่งจนสุก

2.บดถั่วให้ละเอียด แล้วผสมกับหัวกะทิ มะพร้าวขูด

3.นำลงไปกวนในกระทะทองเหลืองให้เข้ากันเติมน้ำตาลทราย แล้วกวนต่อจนส่วนผสมแห้งปั้นได้

4.ปั้นถั่วเป็นลูกรีๆ พักไว้

5.ตีไข่แดงให้เข้ากันกรองด้วยกระชอนเพื่อไม่ให้มีเศษของไข่ขาว

6.นำน้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทรายใส่ในกระทะทองเหลืองแล้วมาตั้งไฟ รอให้นำตาลละลาย ไม่ต้องคน พอน้ำตาลละลายและเดือดแล้ว ให้นำตะแกรงตาถี่มาตักเอาเศษหรือกากที่ไม่ต้องการออก จะได้น้ำเชื่อมที่ใส ปิดไฟ

7.นำถั่วที่ปั้นไว้ชุบไข่แดง แล้วหยอดลงในน้ำเชื่อมขณะที่น้ำเชื่อมยังร้อนอยู่ พอหยอดเต็มแล้ว เปิดไฟอีกครั้ง เปิดไฟให้น้ำเชื่อมเดือดอีกครั้งจนไข่สุก แล้วช้อนขึ้นก็จะได้เม็ดขนุนที่เหลืองสวยเป็นเงา

เคล็ดลับน่ารู้

– ไข่ที่ใช้ชุบเม็ดขนุนจะต้องเป็นไข่ที่สดมากๆ เพราะจะติดเม็ดขนุนมากกว่าไข่ที่ไม่สด

– ไม่ควรใส่มะพร้าวหรือกะทิในส่วนผสมของถั่วมากเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อลื่น ชุบไข่ไม่ค่อยติด

– ความใสความข้นของน้ำเชื่อมก็มีผลต่อการชุบไข่เช่นกัน ถ้าน้ำเชื่อมใสเกินไปไข่ก็จะไม่ค่อยติด หากต้องการให้ติดไข่หนาหน่อย ควรเคี่ยวน้ำตาลให้นานขึ้น เพื่อให้น้ำเชื่อมข้น