ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

รวมสูตร 5 เมนู ทำกินง่าย ทำขายดี ปูทางสร้างเป็นอาชีพเสริม


ในยุคเศรษฐกิจฟืดเคืองเยี่ยงนี้ การจะใช้เงินลงทุนทำอะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะกลัวจะมีความเสี่ยง สู้เก็บเงินเอาไว้ก่อนดีกว่า แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากจะใช้เงินเก็บไปจนหมด อยากจะทำอาชีพเสริมที่ใช้เงินลงทุนเพียงน้อยนิดเพื่อสร้างรายได้เข้ากระเป๋า ชี้ช่องรวย ขอแนะนำสูตรอาหารแบบทำง่าย ขายคล่อง มาฝากเผื่อคุณๆ จะนำไปประยุกต์ขายตามตลาดนัดหรือแหล่งชุมชน ทั้งหมด 5 เมนูด้วยกัน ลองไปดูกันค่ะ

1.โจ๊กหมูทรงเครื่อง

ส่วนผสม เครื่องในสำหรับใส่โจ๊ก

1.ตับหมู 300 กรัม

2.เซี่ยงจี๊ 300 กรัม

3.ไส้อ่อน 500 กรัม

4.กระเพาะหมู

5.แป้งมันสำปะหลัง

6.น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ

7.เกลือป่น

8.ขิงแก่ทุบ 1 ท่อน

ส่วนผสม หมูบดหมัก

1.หมูบด 600 กรัม

2.กระเทียมจีนแกะเปลือก 10 กลีบ

3.พริกไทยขาว 40 เม็ด

4.ซีอิ๊วขาว (สูตร 5) 2 ช้อนโต๊ะ

5.น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

6.เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม น้ำซุป

1.น้ำเปล่า 12 ลิตร

2.กระดูกหมูคาตั๊ง ทุบให้หักครึ่ง 4 ท่อน

3.รากผักชี 5 รากใหญ่

4.ขิงแก่ (น้ำหนักชิ้นละ 50 กรัม) 2 ชิ้น

ส่วนผสม หมี่กรอบสำหรับโรยหน้า

1.เส้นหมี่ขาวอบแห้ง

2.น้ำมันพืช

ส่วนผสม ข้าวโจ๊ก

1.ปลายข้าวหอมมะลิใหม่ 450 กรัม (แต่วันนี้ดิฉันใช้เป็นข้าวกล้องปั่นหยาบ ๆ นะคะ)

2.น้ำซุป 30 ถ้วยตวงเกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ

3.ผงปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยว ซองสีเขียวอ่อน 4 ช้อนโต๊ะ (ยี่ห้อไปตามหาเอาที่ตลาดและซูเปอร์มาร์เกตเอานะคะ)

4.หมูบดปรุงรสที่เตรียมไว้

เครื่องเคียงอื่น ๆ

1.ต้นหอมซอย

2.ขิงซอย

3.ไข่ลวก

4.พริกไทยป่น

วิธีเตรียมเครื่องในสำหรับใส่โจ๊ก

1.แล่ตับให้เป็นชิ้นบาง ๆ นำไปคลุกเคล้ากับแป้งมันสำปะหลัง (สัดส่วนโดยประมาณคือ ตับ 300 กรัม ต่อแป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะพูน) ขยำให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 30 นาทีแล้วนำมาล้างแป้งออกให้สะอาด จากนั้นจึงนำไปลวก

2.นำเซี่ยงจี๊มาผ่าครึ่งตามยาว ใช้ปลายมีดเลาะเอาพังผืดสีขาวด้านในออก ล้างให้สะอาด แล่เป็นชิ้นบาง ๆ นำไปคลุกเคล้ากับแป้งมันสำปะหลัง (สัดส่วนโดยประมาณคือ เซี่ยงจี๊ 300 กรัม ต่อแป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะพูน) ขยำให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 30 นาที แล้วนำมาล้างแป้งออกให้สะอาด จากนั้นจึงนำไปลวกรอไว้เช่นเดียวกันกับตับ หรืออาจจะทำความสะอาดให้เสร็จทีเดียว แล้วตั้งน้ำลวกพร้อม ๆ กันก็ได้ค่ะ

3. ไส้อ่อน ใช้สายยางสะอาดต่อกับก๊อกน้ำ สวมไส้อ่อนเข้ากับปลายสายยางด้านหนึ่ง บีบให้แน่นแล้วเปิดน้ำแรง ๆ เพื่อให้แรงดันน้ำชะล้างไขมันและความสกปรกออกมาจากไส้ จากนั้นบีบเอาน้ำออก ขยำไส้กับแป้งมันสำปะหลังและน้ำส้มสายชู (สัดส่วนโดยประมาณคือ ไส้อ่อน 1/2 กิโลกรัม ต่อน้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ และแป้งมันสำปะหลัง 5 ช้อนโต๊ะ) ขยำทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยวิธีใช้สายยางเหมือนครั้งแรกให้สะอาด จากนั้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ

4.ผ่าครึ่งกระเพาะหมูแล้วแบะข้างในออก ล้างน้ำเปล่าให้สะอาด จากนั้นใช้เกลือป่นขัดถูให้ทั่ว ตามด้วยการถูด้วยแป้งมันสำปะหลัง จากนั้นล้างน้ำออกให้สะอาด นำไปต้มในน้ำเดือดที่ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย พร้อมกับขิงแก่ทุบ 1 ท่อน โดยอาจต้มพร้อมกับไส้อ่อน พอเปื่อยนุ่มจึงนำขึ้นมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ

เตรียมหมูบดหมัก

-โขลกกระเทียมจีนกับพริกไทยขาวให้ละเอียด จากนั้นใส่เนื้อหมูบดลงไปโขลกให้เหนียวเข้ากันดี ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และเบกกิ้งโซดาลงไปโขลกนวดให้เข้ากัน ใส่ภาชนะปิดฝาหมักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง

เตรียมน้ำซุป

1.ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มให้เดือด

2.พอน้ำเดือดแล้วใส่กระดูกหมูลงไป ปิดฝาต้มให้เดือดอีกครั้ง

3.ลดไฟลงให้เหลือไฟอ่อน ใส่รากผักชีลงไปต้มด้วยไฟอ่อน ๆ ต่อไปอีก 60 นาที

4.พอครบเวลาจึงใส่ขิงแก่ลงไปแล้วปิดฝาต้มไฟอ่อนต่ออีก 30 นาที (ต้มไปเรื่อย ๆ กะว่าให้น้ำลดลงเหลือประมาณ 8-10 ลิตร) จึงยกลงจากเตา พักทิ้งไว้ให้เย็นฃ

หมายเหตุ : สูตรนี้เราจะไม่ใช้น้ำตาลเพราะเราจะใช้ความหวานจากการเคี่ยวกระดูกหมูแทน แต่ถ้าใครชอบใส่ก็สามารถใส่ได้แต่ไม่ควรเกิน 40 กรัม

เตรียมหมี่กรอบไว้โรยหน้าโจ๊ก

คลี่เส้นหมี่อบแห้งออกจากกัน จากนั้นนำกระทะตั้งบนเตา ใส่น้ำมันพืชลงไป (ในปริมาณที่ค่อนข้างมากสักหน่อย) รอจนน้ำมันร้อนจัดแล้วหรี่ไฟลง นำเส้นหมี่ลงทอดอย่างรวดเร็ว แล้วนำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักรอไว้

ขั้นตอนการต้มโจ๊ก

ล้างปลายข้าวให้พอหมดฝุ่น จากนั้นตักน้ำซุปที่เย็นแล้วใส่ลงไป 30 ถ้วยตวง นำขึ้นตั้งไฟต้มให้เดือด ระหว่างนี้ให้หมั่นคนเป็นระยะ ๆ พอเดือดแล้วจึงหรี่ไฟอ่อน ตุ๋นข้าวให้เมล็ดบานสุกนุ่มและมีลักษณะเหนียวข้น หากรู้สึกว่างวดเกินไปให้เติมน้ำซุปทีละน้อย เวลาที่โจ๊กของเราข้นแล้วตอนนี้ให้คอยหมั่นคนหน่อยนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะติดก้นหม้อและไหม้ได้

หมายเหตุ : แต่ถ้าเป็นข้าวกล้องแบบเต็มเมล็ดจะต้องล้างข้าวก่อนแล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นจึงนำมาปั่นหยาบ ๆ แล้วจึงนำไปต้มค่ะ

-ใส่เกลือป่นลงไป ตามด้วยผงปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยว

-ปั้นหมูที่เราหมักไว้เป็นก้อน ๆ ใส่ลงไป คอยคนไปเรื่อยจนกระทั่งหมูสุก ชิมรสชาติดูให้พอดีก็ใช้ได้ค่ะ

-ตักโจ๊กใส่ชาม ใส่ตับหมูลวกสุก เซี่ยงจี๊ลวกสุก ไส้อ่อนต้ม กระเพาะต้ม และไข่ลวกลงไป โรยด้วยต้นหอมซอย ขิงซอย พริกไทยป่นเล็กน้อย และหมี่กรอบตามชอบใจ

2. ข้าวเหนียวหมูปิ้ง

ส่วนผสม หมูปิ้ง

1.เนื้อสะโพกหมู หรือสันนอก 1 กิโลกรัม

2.รากผักชี 25 กรัม

3.กระเทียมไทย (แกะเปลือก) 2 หัว

4.พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา + 1/2 ช้อนชา

5.น้ำตาลมะพร้าว 180 กรัม

6.หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง

7.ซีอิ๊วดำ 3 ช้อนชา

8.ซีอิ๊วขาว 8 ช้อนโต๊ะ

9.ซอสปรุงรสฝาเขียว 6 ช้อนโต๊ะ

10.แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ

11.ไข่แดง 1 ฟอง

12.น้ำมันพืช 5 ช้อนโต๊ะ

13.ไม้สำหรับเสียบหมู

วิธีหมักหมูปิ้ง 

1.แล่เนื้อหมูให้เป็นแผ่นหนาประมาณ 1/2 ซ.ม. ความกว้างประมาณ 4-5 ซ.ม. ส่วนความยาวนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของไม้เสียบ (หรือหั่นตามความถนัด)

2.โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเม็ดจนละเอียดเข้าด้วยกัน

3.ผสมเครื่องที่โขลกไว้กับน้ำตาลมะพร้าว กะทิ 1 ถ้วยตวง (ส่วนกะทิที่เหลืออีก 1/2 ถ้วยเก็บไว้ใช้ทาตอนย่าง) ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส แป้งข้าวโพด และไข่แดง คนผสมจนน้ำตาลมะพร้าวละลายดี จึงนำเนื้อหมูที่หั่นไว้ลงไปเคล้าผสมให้เข้ากัน สุดท้ายใส่น้ำมันพืชลงไปเคล้าผสมให้เข้ากันอีกครั้ง หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 1 คืน หรืออย่างน้อย 3 ชั่วโมงขึ้นไป

วิธีเตรียมหมูก่อนปิ้ง

1.หลังจากหมักหมูทิ้งไว้ครบเวลาแล้ว นำเนื้อหมูออกจากตู้เย็นมาเสียบด้วยไม้ นำน้ำที่เหลือจากหมักหมูไปผสมกับกะทิที่เหลือให้เข้ากัน เตรียมไว้

2.เปิดเตาสำหรับปิ้งหมูให้ร้อนก่อน ใช้ไฟอ่อน ๆ จากนั้นนำหมูขึ้นปิ้งบนเตา (หมั่นคอยดู) พอด้านที่สัมผัสความร้อนเริ่มเหลืองแล้วให้พลิกเอาอีกด้านลง แล้วใช้แปรงจุ่มส่วนผสมกะทิที่ผสมไว้ทาให้ทั่วด้านบน พอหมูอีกด้านเริ่มเหลืองก็พลิกกลับมาทาซอสอีกครั้ง ปิ้งจนหมูสุกทั้งสองด้าน แต่ไม่ควรปิ้งให้แห้ง เพราะน้ำในเนื้อหมูจะระเหยไปกับความร้อน ทำให้หมูเหนียวและแข็งค่ะ

3.มินิพิซซ่า

ส่วนผสม มินิพิซ่า

1.แป้งพิซซ่าสำเร็จรูป (ตัดเป็นแผ่นวงกลมขนาด 4 เซนติเมตร)

2.ซอสมะเขือเทศเข้มข้น

3.มอสซาเรลลาชีสขูด

4.เห็ดตามชอบ (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ)

5.ไส้กรอกตามชอบ (หั่นแว่น)

วิธีทำมินิพิซซ่า

1.วางแป้งพิซซ่าลงในหลุมพิมพ์มัฟฟิน ทาซอสมะเขือเทศเข้มข้นลงไปให้ทั่ว

2.ใส่เห็ดลงไป ตามด้วยมอสซาเรลลาชีสขูด โรยไส้กรอกด้านบน

3.นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 180 องศาเซลเซียส นานประมาณ 10-15 นาที หรือจนสุกเหลือง ตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ

4.ข้าวเกรียบปากหม้อ

ส่วนผสม แป้งข้าวเกรียบปากหม้อ

1.แป้งข้าวเจ้า ประมาณ 1 ถ้วย (ขอใช้คำว่าประมาณนะ เพราะทำทีไรไม่ค่อยตวง จะกะ ๆ เอา)

2.แป้งมัน ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ

3.แป้งท้าวยายม่อม ประมาณ 1/2 ช้อนโต๊ะ (แป้งชนิดนี้ใส่มากไม่ได้จะทำให้เหนียวเกินไป)

4.น้ำเปล่า 1 ถ้วย (โดยประมาณ)

ส่วนผสม ไส้หมู

1.หอมแดง 6-7 หัว

2.รากผักชีกับเม็ดพริกไทย

3.หมูบด

4.ไชโป๊เค็มสับ

5.น้ำปลา

6.น้ำตาลปี๊บ

7.น้ำตาลทราย

8.ถั่วลิสงคั่วป่น 4-5 ทัพพี

9.กุ้งแห้งปั่นละเอียด 1 กำมือ

วิธีทำข้าวเกรียบปากหม้อ

1.ไชโป๊เค็มสับ ก่อนใส่ลงไปให้เอามาล้างน้ำหลาย ๆ น้ำ แล้วบีบน้ำออก แตะลิ้นดูหากไม่เค็มแล้วเป็นใช้ได้

2.สับหอมแดง หนนี้ไม่ใช้กระเทียม เพราะเป็นอาหารว่าง ใช้หอมแดงจะมีกลิ่นหอมไปอีกแบบ

3.นำรากผักชีกับเม็ดพริกไทย โขลกให้ละเอียด

4.ใส่น้ำมันเล็กน้อยในกระทะ ใส่หอมแดงลงผัดให้หอม

5.ใส่รากผักชีและเม็ดพริกไทยที่โขลกแล้วลงผัด

6.ใส่หมูบด

7.ใส่ไชโป๊ลงไปผัด

8.ปรุงรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อย หากไม่เค็มค่อยใส่ตามทีหลังได้

9.ใส่น้ำตาลปี๊บกับน้ำตาลทราย

10.ใส่ถั่วลิสงคั่วป่น เพิ่มเติมภายหลังได้อีกเช่นกัน

11.ใส่กุ้งแห้งปั่นละเอียด ผัดไปเรื่อย ๆ จนได้ที่

-คราวนี้มาเตรียมหม้อกัน หาหม้อปากกว้าง ๆ หน่อย ชนิดไม่มีหูจับ ไปซื้อผ้าขาวที่ร้านแขกนะ บอกแขกขายผ้าเขาไปว่า “ซื้อผ้าที่เอาไปทำข้าวเกรียบปากหม้อ” เขาจะบอก “อ๋อ ! ผ้าโทเร” เออ… นั่นแหละ ! จะเรียกอะไรก็ช่าง เอาผ้าที่ทำข้าวเกรียบได้ก็แล้วกัน เอาไปซักด้วยน้ำเปล่าก่อน 1 รอบ ตัดผ้าเจาะรูเล็กน้อย เสร็จแล้วนำมาขึงที่ปากหม้อให้ตึง หายางมารัดให้แน่น ก่อนเอาผ้าขึงให้ใส่น้ำลงหม้อก่อน แล้วนำไปตั้งไฟจนน้ำเดือด

-คราวนี้มาทำตัวแป้ง ประกอบไปด้วย 3 ชนิด ได้แก่ แป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม แป้งมัน ใส่แป้ง 3 ชนิด ลงหม้อผสม คนให้เข้ากัน จะได้แป้งที่ไม่เหลวหรือไม่ข้นจนเกินไป 

-เมื่อน้ำเดือดแล้ว ตักแป้งประมาณ 1/2 ทัพพี เทลงบนปากหม้อแล้วใช้ทัพพีเกลี่ย ๆ เป็นวงกลม อย่าบางเกินและหนาเกิน ตอนที่ทำ 2-3 แผ่นแรกมักจะเสีย เพราะอะไรก็ไม่ทราบได้ เหมือนผ้ายังไม่รู้จักแป้งดี แต่แผ่นต่อไปจะดีเอง ตรงนี้หากแป้งขาดง่ายก็แสดงว่าเจือจางไป ให้เติมแป้งข้าวเจ้าลงไปทีละนิด แล้วละเลงดู คือบอกไม่ถูก ต้องกะ ๆ เอา หาความพอดีเอาเอง

-พอละเลงแป้งแล้วก็ให้รีบปิดฝาหม้อ ประมาณ 40 วินาที เวลาเปิดฝาปั๊บ สังเกตแผ่นแป้งจะพองออกมาจากตัวผ้า นั่นคือแป้งที่ใช้ได้ ตักไส้ใส่ลงไป หากบ้านใครมีหม้อใหญ่กว่านี้ ก็จะทำได้ 4 ชิ้นต่อ 1 ครั้งเลย

-ใช้พายยางหรือสปาตูล่าจุ่มน้ำปาดแป้งขึ้นมาหุ้มไส้ พับข้างละ 1 ครั้งพอ ถ้าใครขยันจะพับจีบ 4 มุมก็ได้ แต่เราพับ 2 ครั้งพอ แค่ด้านซ้าย-ขวา ในภาพอาจดูเหมือนน้ำไม่เดือดเพราะไม่เห็นไอน้ำเลย แต่ขอโทษเถอะ มือหนึ่งจับพายยางจีบแป้ง มือหนึ่งจับกล้องถ่าย ปากหนึ่งก็เป่าไอน้ำไปด้วยเพื่อไม่ให้เข้ามาที่เลนส์ อุ๊ย… ช่างดูวุ่นวาย

เสร็จแล้ว ใช้ใบตองตัดเป็นแฉก ๆ มัดติดตะเกียบ จุ่มน้ำมันกระเทียมเจียว เอามาทา ๆ แป้งข้าวเกรียบไม่ให้ติดกัน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : กระปุกดอทคอม

5.หนังไก่กรอบ

ส่วนผสม หนังไก่ทอด

1.หนังไก่

2.พริกไทยป่น

3.เกลือ

4.แป้งสาลีอเนกประสงค์

5.น้ำมันพืช (สำหรับทอด)

วิธีทำหนังไก่ทอด

1.เอาหนังไก่ไปต้มจนสุก เสร็จแล้วเอามาหั่นตามชอบ

2.ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย หมักทิ้งไว้สักครู่

3.ก่อนทอดนำหนังไก่หมักไปคลุกกับแป้งสาลีอเนกประสงค์บาง ๆ ให้ทั่ว

4.ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปกะให้พอท่วม พอน้ำมันร้อนเอาหนังไก่ไปทอดจนกรอบเหลือง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟกับซอสพริก