สำหรับใครที่ชอบทานทุเรียนมาทางนี้วันนี้ ชี้ช้แงรวย มี 8 สูตร เมนูทุเรียน ทำง่าย ๆ แต่ได้รสชาติแบบราชา” ช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นหน้าของผลไม้อย่างทุเรียนแล้ว เอาเป็นว่าลองมาเปลี่ยนวิธีการกินจากผลสุก มาเป็นเมนูใหม่เพิ่มความหลากหลายกันดีกว่า มาดูกันว่ามีเมนูอะไรน่าสนใจบ้าง
1.บิงซูทุเรียน ส่วนผสม (สำหรับ 2 ถ้วย)
- นมสดจืด 2 ถ้วย
- ครีมสด 1 ถ้วย
- น้ำเชื่อม ¼ ถ้วย
- เนื้อทุเรียนสุกหั่นชิ้นโต
- ครีมสดตีพอข้นสำหรับราดหน้า
- ทุเรียนทอดสำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
- ทำน้ำแข็งไสรสนม โดยผสมนม ครีม และน้ำเชื่อมเข้าด้วยกัน จากนั้นเทใส่พิมพ์ นำไปแช่แข็งไว้ 1 คืน
- นำนมที่แช่แข็งไว้ออกมา ขูดด้วยที่ขูดมะพร้าวให้เป็นเกล็ดละเอียด เรียงเนื้อทุเรียนลงที่ก้นชาม ใส่น้ำแข็งไสรสนมที่ขูดไว้ลงไป
- ตามด้วยเนื้อทุเรียน ราดหน้าด้วยครีมตีพอข้น แล้วโรยด้วยทุเรียนทอด เพียงเท่านี้ บิงซูทุเรียน ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
2.ทุเรียนทอด ส่วนผสม ทุเรียนแก่
วิธีทำ
- เลือกเนื้อทุเรียนแก่เพราะทุเรียนแก่จะมีความแข็ง ทำให้นำไปทอดได้ง่าย คว้านเม็ดทุเรียนออก ใช้มีดปอกผลไม้ฝานเนื้อทุเรียนให้บางที่สุด
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ท่วม พอน้ำมันเริ่มร้อนแล้วนำทุเรียนที่ฝานบางๆ ลงไปทอดได้เลย ไม่ต้องไปคนอะไรมากมาย ป้องกันไม่ให้เนื้อทุเรียนเละ เป็นชิ้นไม่สวย
- เมื่อทุเรียนเริ่มลอยขึ้นมาเหนือน้ำมันแล้ว ใช้กระชอนตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน หรือถ้าอยากให้แห้งสนิท ให้นำไปอบไล่ความมันและความชื้นออก
- เสร็จแล้วให้โรยเกลือเพิ่มความเค็ม แล้วนำไปรับประทานทันที หรือ ทานไม่หมดให้เก็บไว้ในภาชนะที่ปิดแน่นสนิทเพื่อคงความกรอบ
3.ข้าวเหนียวทุเรียน ส่วนผสม
- ข้าวเหนียวมูน
- ทุเรียนหมอนทอง
- กะทิ 1000 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 50 มิลลิลิตร.
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊ป 50 กรัม
วิธีทำ
- เตรียมกะทิ น้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำตาลทราย ใส่รวมกันในหม้อ ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนทุกอย่างละลายและเข้ากันดี
- พอเริ่มเห็นกะทิเดือดก็ฉีกทุเรียนใส่ตามลงไป คนเบาๆ ให้น้ำกะทิซึมเข้าเนื้อทุเรียน ใช้เวลา 3-5 นาที ตักกะทิและทุเรียนเสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียวมูน แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ
4.ไอศกรีมทุเรียน ส่วนผสม
- เนื้อทุเรียนฉีก 1 ถ้วยตวง
- วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง
- นมสด 1 ¼ ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
วิธีทำ
- นำน้ำตาลทรายและนมสด ผสมให้เข้ากัน คนให้น้ำตาลทรายละลาย เทใส่เครื่องปั่น ใส่เนื้อทุเรียนฉีก ปั่นให้ละเอียด ลองชิมรสดู ถ้ายังไม่หวานก็เติมน้ำตาลทรายลงไป ปั่นให้เข้ากัน พักไว้ก่อน
- ตีวิปครีมจนตั้งยอดอ่อน แล้วนำไปผสมกับส่วนผสมใน ข้อ 1 จากนั้นนำไปแช่ช่องฟรีซ ประมาณ 2 – 3 ช.ม. นำออกมาขูดด้วยส้อม ทำซ้ำ 4 – 5 รอบ
- จากนั้นแช่ทิ้งไว้ข้ามวันไปเลยประมาณ 1 วัน ก็นำมาตักเป็นสกู๊ป สวยๆ กินพร้อมท้อปปิ้งตามชอบ
5.ชีสเค้กทุเรียน ส่วนผสม
- แป้งเค้ก 280 กรัม
- ผงฟู 2 1/2 ช้อนชา
- ผงวานิลลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่แดง 11 ฟอง
- น้ำตาลทราย 170 กรัม
- น้ำเปล่า 190 กรัม
- น้ำมันพืช 90 กรัม
- กะทิ 35 กรัม
- เกลือป่นละเอียด 1 ช้อนชา
- เนื้อทุเรียนสุกบด 60 กรัม
- ไข่ขาว 11 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- เนื้อทุเรียนสุกสำหรับตกแต่ง
- แผ่นพลาสติกสำหรับพันขอบข้างเค้ก
วิธีทำ
- ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และผงวานิลลาเข้าด้วยกันลงอ่างผสม เตรียมไว้ ผสมไข่แดง น้ำตาลทราย น้ำเปล่า น้ำมันพืช กะทิ เกลือป่นและเนื้อทุเรียนด้วยตะกร้อมือจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี
- เทลงในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ คนให้เข้ากัน พักไว้ ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่อง พอไข่เริ่มขึ้นฟู ค่อยๆ เติมน้ำตาลทราย ทีละน้อยจนหมด ตีต่อจนส่วนผสมตั้งยอดอ่อน
- ค่อยๆ นำไข่ขาวแบ่งลงผสมกับส่วนผสมในข้อที่ 2 ตะล่อมเบาๆ ด้วยตะกร้อมือจนหมด พอส่วนผสมเข้ากันดีเทลงพิมพ์เค้กกลมขนาด 3 ปอนด์ที่ทาด้วยเนยขาวและปูกระดาษไขไว้ ประมาณ 3/4 ของพิมพ์
- นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30-35 นาที หรือจนสุกเหลือง นำออกจากเตาอบแซะออกจากพิมพ์พักไว้บนตะแกรงจนเย็นสนิท
- สไลซ์เนื้อเค้กเป็นแผ่นบางจำนวน 3 แผ่น วางแผ่นแรกลงในพิมพ์เค้กกลมขนาด 3 ปอนด์ แบบเจาะก้น โดยพันขอบด้านข้างในพิมพ์ด้วยแผ่นพลาสติกจนรอบ ใส่ส่วนผสมครีมชีสทุเรียนสลับกับแผ่นเค้กที่เหลือจนเต็มพิมพ์ นำเข้าแช่เย็นช่องแช่แข็งประมาณ 3-5 ชั่วโมงหรือจนส่วนผสมแข็งตัว
- นำออกมาตกแต่งด้วยเนื้อทุเรียนให้สวยงาม ตัดเป็นชิ้น จัดเสิร์ฟ
ส่วนผสมครีมชีสทุเรียน
- ครีมชีสพักไว้ให้คลายความเย็น 225 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 80 กรัม
- เนื้อทุเรียนสุกบด 250 กรัม
- วิปปิ้งครีมชนิดจืด 300 กรัม
- เจลาตินชนิดแผ่น 7 แผ่น
วิธีทำ
- แช่เจลาตินลงในน้ำเย็นจัดจนแผ่นมีลักษณะอ่อนนุ่ม นำไปตุ๋นบนน้ำอุ่นจนละลายเตรียมไว้ ตีครีมชีสด้วยหัวตีใบไม้โดยใช้ความเร็วปานกลางของเครื่องพออ่อนตัว
- เติมน้ำตาลไอซิ่งตีต่อจนส่วนผสมขึ้นฟูเล็กน้อย เติมเนื้อทุเรียน ตีต่อจนส่วนผสมเข้ากันดี นำออกจากเครื่องเติมวิปปิ้งครีมที่ตีพอตั้งยอดอ่อนและเจลาตินละลายลงผสมตามลำดับ คนพอส่วนผสมเข้ากันดีจึงนำไปใช้
6.ส้มตำทุเรียน ส่วนผสม
- ทุเรียนอ่อนจัด เนี้อเเข็ง หั่นเป็นเส้นๆ 1 ถ้วย
- ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อนๆ 1/4 ถ้วย
- มะเขือเทศลูกเล็กผ่าครึ่ง 1/4 ถ้วย
- กุ้งแห้งอย่างดี 3 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสงทอด 3 ช้อนโตะ
- กระเทียมแกะเปลือกออก 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสวน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย
- น้ำปลาดี 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- โขลกกระเทียมกับพริกขี้หนูพอแหลก ใส่กุ้งแห้ง ถั่วฝักยาว โขลกให้เข้ากัน ใส่น้ำมะนาว น้ำปลาดี น้ำตาลปีบ คนให้เข้ากัน ใส่มะเขือเทศ ทุเรียน คนให้เข้ากันอีกครั้ง ชิมรส เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน ให้รสจัด จึงจัดใส่จานให้สวยงาม โรยด้วยถั่วลิสงทอด
7.ทุเรียนชีสทาร์ต ส่วนผสม
- แป้ง 500 กรัม
- เนยจืด 250 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 60 กรัม
- วานิลลา 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- เนื้อทุเรียนบด 150 กรัม
- ชีสครีม 250 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง (แยกไข่ขาวกับไข่แดง)
- น้ำตาลไอซิ่ง 20 กรัม (ส่วนผสมสำหรับชีส)
- น้ำตาล 10 กรัม
- แม่พิมพ์วงกลมสำหรับทาร์ต
วิธีทำ
- ตีเนยจืดและน้ำตาลไอซิ่งในเครื่องผสม ใส่ไข่ไก่ 1 ฟอง วานิลลา 1 ช้อนชา และแป้ง 500 กรัม เสร็จแล้วนำแป้งขึ้นมานวด แล้วคลึงแป้งให้แบน แต่ไม่ต้องบางมาก
- นำแม่พิมพ์มาบดแป้งให้เป็นวงกลม แล้วนำแป้งมากรุพิมให้เต็ม ใช้ส้อมทำรูที่ตรงกลางของทาร์ตแล้วนำไปเข้าเตาอบ 15 นาที ด้วยความร้อน 180 องศา
- เสร็จแล้วก็นำออกมาวางพักให้เย็น ระหว่างนั้นเราก็มาทำชีส แบ่งไข่ขาวและไข่แดง 2 ฟอง นำครีมชีส และน้ำตาลไอซิ่งลงไปตีในเครื่องผสม ต่อด้วยเนื้อทุเรียนที่บดไว้แล้วและตามด้วยไข่แดง ตีให้เข้ากัน
- เสร็จตักออกมาใส่ชามผสม ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายให้ตั้งยอดอ่อน เสร็จแล้วนำมาสผมกับครีมชีส ใช้พายตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากัน เสร็จแล้วตักชีสใส่แป้งทาร์ตนำเข้าเตาอบ 10 นาทีด้วยความร้อน 185 องศา
8.ทุเรียนเชื่อม ส่วนผสม
- ทุเรียนหมอนทองไม่สุก
- น้ำปูนใส
- น้ำตาลทราย 500 กรัม
- น้ำสะอาด 4 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า
วิธีทำ
- เมื่อได้ทุเรียนมาแล้วก็จัดการเอาเมล็ดออก แช่น้ำปูนใสทิ้งไว้ 30 นาที (สูตรนี้แช่ 30 นาที พอนำไปเชื่อมรู้สึกว่าเนื้อยังเละๆ อยู่ บางสูตรบอกให้แช่ 3-4 ชั่วโมง
- เอาขึ้นมาล้างน้ำเปล่าและวางไว้ให้สะเด็ดน้ำบนกระชอน พักไว้นำน้ำสะอาดและน้ำตาลทรายลงไปต้มใช้ไฟแรง ต้มประมาณ 15 นาที
- ใส่เนื้อทุเรียนลงไป รอจนทุเรียนสุก วางพักทิ้งไว้ให้เย็นแล้วก็ตักเสิร์ฟได้เลย