วรรณเศรษฐ บัวรา ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด (Pay Solution) ผู้ให้บริการระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Payment) เพื่อธุรกิจที่ค้าขายบนโลกออนไลน์ (E-Commerce) ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพหรือต่อยอดธุรกิจให้กับ SME ระบบของ Pay Solution นั้น จะเป็นระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ให้บริการสำหรับผู้ที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เริ่มจะทำเกี่ยวกับทางด้าน E-Commerce ทั้งหมด จนถึงเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขายสินค้า และขั้นตอนในการจัดส่งสินค้า เรียกว่ามีฟังก์ชั่นที่เป็นแพลตฟอร์มคอยดูแลทุกขั้นตอน เริ่มต้นตั้งแต่การเปิดพื้นที่ขายสินค้าออนไลน์ (E- Shop) ให้กับร้านค้าที่ไม่มีเว็บไซต์เป็นของตนเองสามารถนำสินค้ามาลงขายได้ ระบบตะกร้าสินค้า (E-Card) สำหรับผู้ประกอบการที่มีเว็บไซต์เป็นของตนเองสามารถขายของให้กับลูกค้าผ่านตะกร้าสินค้าได้ เมื่อมีการซื้อสินค้าผ่านช่องทางตะกร้าสินค้าก็จะเป็นการให้บริการในส่วนของระบบการชำระเงินออนไลน์ (E-Payment) ซึ่งจะเป็นการรับชำระเงินทุกช่องทางทั้งในรูปแบบออนไลน์ เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต อินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เป็นต้น และออฟไลน์ เช่น เคาน์เตอร์ของธนาคาร เอทีเอ็ม เครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ (Bank Transfer) รวมถึงบริการชำระผ่านสกุลเงินดิจิตอล (Bitcoin) เรียกว่าทุกช่องทางของการชำระเงิน Pay Solution มีบริการรองรับไว้ทั้งหมด
นอกจากนี้เมื่อมีการชำระเงิน หรือทำการซื้อขายออนไลน์เสร็จสิ้น Pay Solution ยังมีบริการจัดส่งสินค้าไว้คอยให้บริการลูกค้าด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งสินค้าผ่านระบบไปรษณีย์ไทย รวมถึงบริการจัดส่งของภาคเอกชน และระบบการสั่งซื้อแบบเก็บเงินปลายทาง (Cash on Delivery: COD) อย่างไรก็ดี Pay Solution ยังมีบริการรับจองห้องพักออนไลน์ (E-Booking) สำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับห้องพัก หรือโรงแรมได้ และบริการเพื่อสังคม (E-charity) เกี่ยวกับการรับบริจาคเงินผ่านช่องทางออนไลน์ ถามว่าระบบของ Play Solution สามารถช่วยยกระดับธุรกิจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรนั้น วรรณเศรษฐ บอกอย่างชัดเจนว่า ระบบทั้งหมดที่พัฒนาขึ้นมาจะช่วยทำให้สินค้าที่ขายได้ยากของผู้ประกอบการ มีโอกาสขายได้ง่ายขึ้นกว่าที่ผ่านมา รวมถึงสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ประกอบการที่ไม่มีเงินทุนมากพอได้เข้าถึงระบบการชำระเงินออนไลน์
โดยมี Pay Solution เป็นตัวกลางคอยเชื่อมประสานระหว่างทุกสถาบันการเงิน เนื่องจากหากเป็นธุรกิจขนาดที่ไม่ใหญ่พอ ธนาคารมักจะยังไม่ให้ความสนใจ และจะขอตรวจสอบเอกสารเป็นจำนวนมาก วรรณเศรษฐ กล่าวว่าระบบของ Pay Solution จะช่วยผู้ประกอบการณ์ในลักษณะนี้อยู่ประจำ และทุกธุรกิจสามารถใช้บริการการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต 0% ได้ทั้งหมด โดยลูกค้าของ Pay Solution มีธุรกิจอยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ ท่องเที่ยว อาหาร ฯลฯ หากมีมูลค่าการชำระ 3,000 บาทขึ้นไปจะไปเข้าหลักเกณฑ์ของธนาคารและจะผ่อนได้หมด แต่ขึ้นอยู่กับแคมเปญของธนาคารว่าจะให้ระยะเวลาเท่าไหร่ บางธนาคารอาจจะคิด 0.8% สำหรับร้านจิวเวอรี่ซึ่งสินค้ามีมูลค่าหลายหมื่น สินค้าประเภทนี้การตัดสินใจของลูกค้าก็อาจจะช้า
หากลูกค้ารู้ว่าสามารถผ่อนชำระได้ ก็จะเกิดความน่าสนใจขึ้น และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น สำหรับระบบการชำระเงินนั้น วรรณเศรษฐ อธิบายว่าการชำระเงินของลูกค้าทั้งหมดจะมาอยู่ที่ระบบของ Pay Solution ก่อน โดยร้านค้าที่เป็นสมาชิกจะมีการทำสัญญารับเงินเป็นช่วงเวลา ประกอบด้วย รอบสัปดาห์ รอบ 15 วัน และ รอบ 1 เดือน ทุกร้านจะได้รับเงินตรงตามกำหนดทั้งหมด โดยเงินที่ผู้ซื้อสินค้าชำระเข้ามาจะอยู่ในระบบประมาณ 7 วัน เพื่อที่บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบที่มาที่ไปของเงิน ทั้งเจ้าของบัตร การตัดเงินจากบัตร หรือแม้แต่การเรียกคืนสินค้า หลังจากนั้นก็จะโอนให้กับผู้ประกอบการตามรอบเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่ง Pay Solution จะมีรายได้จากการหัก 3.75% ของเงินค่าสินค้า ส่วนการโอนเงินไปให้กลับร้านค้าจะผ่านช่องทางธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงเทพ ซึ่งในส่วนของร้านค้าจะต้องมีการยืนยันตัวตน โดยการส่งเอกสารที่เป็นสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หน้าบัญชีธนาคาร เพื่อยืนยันว่ามีร้านอยู่จริง ในปีที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายผ่านช่องทางของ Pay Solution อยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาท
โดยปัจจุบันมีร้านค้าอยู่ในระบบประมาณ 10,000 ร้านค้า วรรณเศรษฐ กล่าวว่าแพลตฟอร์มของ Pay Solution เอื้อผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย ในส่วนของร้านค้าผู้ประกอบการกิจการ ก็จะทำให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น ได้มีโอกาสและช่องทางในการขายของโดยที่ไม่ต้องมีทุนทางการทำตลาดออนไลน์ เพราะทุกอย่างไม่เสียค่าบริการ เพียงแค่เข้าไปใช้ช่องทางบนโลกโซเชี่ยลเนตเวิร์กก็สามารถขายของได้ ส่วน Pay Solution จะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม แต่จะเก็บค่าบริการแค่เฉพาะกรณีที่ร้านค้าขายของได้ในอัตราเฉลี่ยมาตรฐานอยู่ที่ 3.75% จะไม่มีการเก็บค่าบริการรายเดือนหรือรายปี แต่หากเป็นร้านค้าที่มีปริมาณการขาย หรือวอลุ่มจำนวนมากอัตราการจัดเก็บ 3.75% จะถูกปรับลดลงเป็น 2.50% หรือ 3.00% ตามวอลุ่มของร้านค้า
ซึ่งจะมีการตกลงกันเพื่อทำความเข้าใจก่อนที่จะเซ็นสัญญา ขณะที่ลูกค้าที่เป็นผู้ซื้อก็จะสามารถซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น หากมีบัตรเครดิต หรือเดบิตอยู่ในกระเป๋าอยู่แล้วก็สามารถซื้อของได้โดยที่ไม่ต้องออกจากบ้าน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปห้างสรรพสินค้า หรือธนาคารเพื่อโอนเงิน โดยเป็นการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปความก้าวหน้าของเทคโนโลยี