จากภาพรวมของราคาสินค้าเกษตรของไทยในปี 2562 ที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องทุกรายการ จากปี 2561 ที่ปรับตัวลงลงกว่า 5.9 เปอร์เซ็นต์ โดยมีปัจจัยจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากในช่วงเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเกษตรกรหลายรายจะหันไปมุ่งสู่เกษตรอินทรีย์ ตามเทรนด์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากปัญหาสินค้าออร์แกนิกล้นตลาดได้ ทำให้เกษตรกรยุคใหม่ต้องเร่งปรับตัว คิดค้นกลยุทธ์เพื่อแข่งขันให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง จึงเป็นที่มาของการนำสินค้าเกษตรมาแปรรูปสร้างแบรนด์ รวมถึงการส่งเสริมการตลาด เพื่อเชื่อมโยงสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น
ที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทย ได้มีส่วนช่วยในการปลดล็อคอุปสรรคของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองมะคังพัฒนา อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก นำผลผลิตในชุมชนมาแปรรูปสู่ ผลิตภัณฑ์ผงจมูกข้าว “จันทร์หอม” ที่ประสบปัญหาด้านการแข่งขันในท้องตลาด ด้วยการส่งเสริมให้มีการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรแปรรูปให้ได้มาตรฐาน และยังช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ จนได้รับการรับรองภายใต้แบรนด์ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” ที่สามารถเจาะตลาดผู้บริโภคยุคใหม่ได้ ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจสินค้าเกษตรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีเส้นทางของการพัฒนาธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันอย่างน่าสนใจ ซึ่งเกษตรกรที่เพิ่งเริ่มฤดูกาลเพาะปลูกในปี 2562 อาจนำไอเดียดังกล่าวไปปรับใช้และต่อยอดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์จากโลโคลทูโกลบอล (Local to Global) ได้อีกราย
หมดยุคสินค้าเกษตรชั่งกิโลขาย เกษตรกรไทยถึงเวลาปรับตัว
แนวคิดเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน แต่การลงมือปฏิบัติจริงกลับสวนทาง เพราะเกษตรกรหลายรายยังคงเคยชินกับการเพาะปลูกที่พึ่งฟ้าพึ่งฝน รอเวลาเก็บเกี่ยว ชั่งกิโลขาย แต่สำหรับกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองมะคังพัฒนา ได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มราคาผลผลิตต่อไร่ที่ไม่แน่ไม่นอน ที่มุ่งมั่นในการคิดค้นโมเดลธุรกิจที่จะเป็นทางรอดของสินค้าเกษตร ซึ่งเน้นการทำนาปลูกข้าวเป็นหลัก จึงได้นำผลผลิตที่มีไปต่อยอด เพื่อไม่ให้เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
พลิกผืนนาฝ่าทางตันราคาผลผลิต สู่ต้นทุนธุรกิจเกษตรแปรรูปสุดปัง
เมื่อการทำเกษตรอินทรีย์แบบชั่งกิโลขาย ไม่ใช่ทางออกสำหรับการแก้ปัญหาราคาผลผลิตอีกต่อไป นางสาวจิรภิญญา ชาญชิต สมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองมะคังพัฒนา กล่าวว่า ในระยะแรกทางกลุ่มได้ลองนำผลผลิตที่ได้มาทำแพคเกจจิ้งชั่งกิโลขาย โดยขึ้นรูปเป็นรูปหัวใจตรงกลางเพื่อสร้างความแปลกใหม่ และยกระดับให้เป็นของฝากที่ระลึกได้ ต่อมาได้ระดมความคิดเห็นของเกษตรกรในกลุ่มเพื่อหาแนวทางเพื่อให้ข้าวที่ปลูกได้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพราะถือเป็นต้นทุนเดียวของเกษตรกรในขณะนั้น จึงเป็นที่มาของแนวคิดการต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต โดยนำข้าวที่รอการจำหน่ายไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ผงจมูกข้าวเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “จันทร์หอม” ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา
ออแกนิคจากแปลงปลูก เป็นต้นทุนปูทางสู่ความสำเร็จ
ต้นทุนสำคัญที่สร้างความสำเร็จให้กับผลิตภัณฑ์ผงจมูกข้าวเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “จันทร์หอม” ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกใช้วัตถุดิบออแกนิค ซึ่งเป็นผลผลิตที่ได้จากการเพาะปลูกแบบปลอดสารเคมีของสมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองมะคังพัฒนา ที่มีแปลงนาข้าวอินทรีย์รวมกันกว่า 20 ไร่ โดยทุกแปลงผ่านการเตรียมดินเพื่อให้พร้อมสำหรับทำเกษตรออแกนิคอย่างน้อย 4 ปี และใช้น้ำหมักจากหยวกกล้วย ควบคู่กับน้ำส้มควันไม้ เพื่อให้แทนปุ๋ยเคมีและสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้ได้ผลผลิตออแกนิคก่อนนำไปแปรรูปเป็นผงจมูกข้าว ช่วยบำรุงสายตา
จมูกข้าวเม็ดเล็กแต่สรรพคุณอัดแน่น
ผงจมูกข้าว “จันทร์หอม” ผลิตจากส่วนปลายของเมล็ดข้าวที่มักหลุดออกเมื่อเข้ากระบวนการขัดสี โดยได้เลือกใช้จมูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงและข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่มีคุณค่าทางอาหารมากกว่าส่วนอื่นของข้าวขาวที่คนส่วนใหญ่หุงรับประทานโดยทั่วไป ซึ่งผงจมูกข้าว “จันทร์หอม” มีสรรพคุณช่วยปรับระดับความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต บำรุงระบบประสาทและสมอง ลดคอเลสเตอรอลและไตรกรีเซอร์ไรด์ ช่วยในการเพิ่มไขมันดี (HDL) ให้กับร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน ชะลอการเกิดริ้วร้อย ซึ่งที่ผ่านมามีผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ผู้สูงอายุ
เปิดตัวผลิตภัณฑ์เพิ่มสุข บุกตลาดอีคอมเมิร์ซ
ปัจจุบันผงจมูกข้าว “จันทร์หอม” เป็นหนึ่งในสินค้าไปรษณีย์เพิ่มสุข ที่ได้รับการส่งเสริมจาก ไปรษณีย์ไทย ภายใต้โครงการ “ไปรษณีย์ไทย…เพื่อแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” ซึ่งมีส่วนช่วยในการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์จนได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมถึงการพัฒนาแพคเกจจิ้งจากแบบซิปล็อกที่ต้องตักชง นำมาบรรจุในกล่องความสวยงามและแบ่งเป็นซองเล็กๆข้างใน ช่วยคงคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งโครงการดังกล่าวช่วยให้เกษตรกรรายได้เลี้ยงตนเองมากขึ้น และยังช่วยเสริมให้เศรษฐกิจในชุมชนมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ จากการขายผ่านเครือข่ายของไปรษณีย์ไทย
ผงจมูกข้าว “จันทร์หอม” จึงเป็นต้นแบบของธุรกิจสินค้าเกษตร ที่หันมามุ่งเน้นการปรับปรุงแพคเกจจิ้งและการแปรรูปจนประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมเกษตรของไทย ที่ยังคงเป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้มีแนวทางในการปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจ ผงจมูกข้าว “จันทร์หอม” จำหน่ายในราคากล่องละ 80 บาท แต่ละกล่องบรรจุ 10 ซอง ซึ่งมีบริการส่งทั่วไทยผ่านเครือข่ายของไปรษณีย์ไทย โดยผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ และกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองมะคังพัฒนา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Call Center 1545 หรือเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th