ผ่านไปแล้วกับ 2 ซีรี่ย์ ที่กูรูคอกาแฟระดับเซียนอย่าง คุณศุภวุฒิ งามสิริวงศ์ จากบริษัท เอ็น แอล คอฟฟี่
เทรดดิ้ง จำกัด ได้มาเปิดเผยเส้นทางการลงทุนเปิดร้านให้กับผู้ที่มีฝัน มุ่งมั่นเปิดร้านขายกาแฟสด ให้ได้มีความรู้นำทางสามารถนำไปปรับใช้เพื่อเปิดร้านได้จริง สำหรับซีรี่ย์ปิดฉากนี้ กูรูท่านนี้ก็มีทริกต่างๆ เก็บตกมาฝาก
กันดังนี้นะคะ
ทำไมธุรกิจกาแฟสดจึงเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน
กาแฟสดเป็นธุรกิจเครื่องดื่มกาเฟอีนที่คนดื่มแล้วจะดื่มอีกเหมือนเป็นสิ่งเสพติด กาแฟนั้นเมื่อคนที่ดื่มเป็นประจำ ไม่ได้ดื่มจะทำให้พวกเขารู้สึกไม่กระฉับกระเฉง เราจะพบว่าพนักงานออฟฟิตจะถือกาแฟเข้าออฟฟิตทั้งในช่วงเช้าและบ่าย หรือพนักงานขับรถจะซื้อกาแฟหลังทานข้าวอยู่เป็นประจำ เพราะพวกเขาต้องการกาแฟที่มีกาเฟอีน ซึ่งสารเหล่านี้จะเป็นทั้งตัวกระตุ้นและสร้างสมาธิให้แก่ผู้ดื่ม
ความไม่ซับซ้อนในการลงทุน
ปัจจุบันนั้นมีผู้ประกอบการมากมายนำเข้าเครื่องชงกาแฟจากประเทศอิตาลีและสเปน ประเทศซึ่งมีผู้ดื่มกาแฟกันเป็นกิจวัตร พวกเขาพัฒนาเครื่องชงกาแฟให้ง่ายต่อการใช้และสามารถดึงเอาคุณภาพของกาแฟออกจากเมล็ดกาแฟให้ได้มากที่สุด หรือที่เราเรียกกันว่า เครื่องชงเอสเปรสโซ เพียงแค่เรามีเครื่องชงกาแฟกับเครื่องบดกาแฟเท่านั้น กับการลงทุนอุปกรณ์อีกไม่กี่พันบาท เราก็สามารถขายกาแฟให้กับลูกค้าเราได้แล้ว เราจึงมักพบว่าร้านกาแฟนั้นอาจใช้พื้นที่เพียงแค่ 2 x 2 ตารางเมตร ก็สามารถขายกาแฟได้ 100-200 แก้วต่อวัน หากคุณมีทำเลที่ดีพอ
ความสะดวกสบายและง่ายต่อการจัดการ
ด้วยบริษัทที่เป็นแบบ one stop service อย่าง บจก.เอ็น แอล คอฟฟี่ นั้นเรามีความพร้อมในการสนับสนุนลูกค้า ทั้งไม่ใช่แค่เมล็ดกาแฟหรือวัตถุดิบ เช่น ชา น้ำผลไม้ โกโก้ หรืออุปกรณ์ต่างๆ แต่รวมถึงบริการหลังการขายหากเครื่องชงกาแฟมีปัญหา รวมถึงเราเองยังมีการพัฒนาสูตรชงกาแฟของเราทุกๆ ปี เพื่อให้กาแฟมีเมนูใหม่ๆ หลากหลายไม่จำเจ
ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
ด้วยต้นทุนกาแฟร้อนไม่ถึง 5-10 บาท แต่สามารถขายได้ถึง 30-60 บาท หรือ ต้นทุนกาแฟเย็น 15-20 บาท แต่สามารถขายได้ถึง 35-80 บาท จึงถือว่าเป็นธุรกิจที่มี
ผลตอบแทนที่สูงมาก ประกอบกับกาแฟที่คนดื่มแล้วต้องดื่มอย่างเป็นประจำนั้น ทำให้กาแฟเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนกว่าธุรกิจใดๆ
การเติบโตของตลาดที่ยังไปได้อีกไกล
เมื่อเปรียบเทียบปริมาณกาแฟที่ดื่มต่อคนในประเทศไทย เมื่อเทียบกับประเทศ
อื่นๆ นั้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมาก ประเทศที่ดื่มมากที่สุดอย่างฟินแลนด์นั้น 1 คนดื่มกาแฟเฉลี่ย 2.4 แก้วต่อวัน หรือ 12 กก. ต่อปี หรือประเทศอเมริกาที่คนดื่มกาแฟเฉลี่ยทั้ง
ประเทศ 0.931 แก้วต่อวัน ส่วนประเทศไทยนั้นอยู่ที่ 0.149 แก้วต่อวัน เราจะเห็นได้ว่าตลาดกาแฟยังสามารถโตได้อีกเรื่อยๆ ตราบใดที่คนยังดื่มกาแฟ อีกข้อหนึ่งคือ ธุรกิจกาแฟไม่ใช่ธุรกิจแฟชั่น หรือเทคโนโลยีที่ต้องให้ผู้ประกอบการมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ธุรกิจร้านกาแฟนั้นเติบโตอย่างช้าๆ ตามจำนวนประชากร แต่มีความมั่นคงที่สูง
ความไม่เอาใจใส่ของเจ้าของร้านกาแฟ ทำให้ร้านกาแฟใหม่ๆ เกิดขึ้น
เรื่อยๆ
จากประสบการณ์ผู้เขียนพบว่าร้านกาแฟมากกว่า 50% ในตลาดนั้นเป็นร้านกาแฟที่คนชงกาแฟยังไม่ได้มีความรู้ เป็นร้านกาแฟที่ชงกาแฟไปตามที่สูตรกำหนด แต่ไม่ได้ให้ความใส่ใจต่อศาสตร์ของการชงกาแฟอย่างแท้จริง จึงทำให้กาแฟที่ได้นั้นไม่สมบูรณ์แบบ รสชาติกาแฟที่ผู้ชงกาแฟเหล่านี้ดึงออกมานั้นยังไม่ใช่รสชาติที่แท้จริงของกาแฟ หรือชงกาแฟออกมาไม่มีความคงเส้นคงวา ขาดการเอาใจใส่ไม่ใช่แค่การชงกาแฟแต่รวมถึงการดูแลรักษาการทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ ทำให้ร้านกาแฟเหล่านี้ไม่ได้รับความนิยมจากลูกค้า
คุณศุภวุฒิ งามสิริวงศ์
ตำแหน่งผู้จัดการ บริษัท เอ็น แอล คอฟฟี่ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท เอ็น แอล คอฟฟี่ เทรดดิ้ง (อุดมสุข) จำกัด
ให้คำปรึกษาและบริการสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนธุรกิจกาแฟ
และจำหน่ายอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับร้านกาแฟ
สนใจติดต่อ NL Coffee สาขากรุงเทพฯ (อุดมสุข) โทร. 0-2749-5441 สาขานนทบุรี โทร. 0-2525-1657 www.nlcoffee.com, www.nlcoffee.net