ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

Mo’s Bowsหูกระต่ายเงินล้านของซีอีโอเรียนประถม


“ผมเริ่มธุรกิจนี้ตอนที่ผมอายุได้ 9 ขวบ ตอนนั้นผมเรียนชั้นป.4” เขาเริ่มพูดถึงตัวเอง

 

Tramicaคุณแม่ของ Moziahเล่าว่า “เมื่อตอนที่เขาอายุ 4 หรือ 5 ขวบ ฉันจำได้ว่าฉันปล่อยให้เขาแต่งตัวเอง และเขามักจะใส่ชุดสูทเต็มยศมาพร้อมกับหูกระต่าย ตอนนั้นฉันคิดว่า ลูกทำอะไร เรากำลังจะไปร้านขายของชำกันนะ อาจจะเป็นเพราะมันอยู่ในสายเลือดของเขาก็เป็นได้ พ่อและคุณปู่ของ Mo อยู่ในวงการแฟชั่นและดนตรี ใครๆ ก็นิยมแต่งตัวเนี้ยบกันทั้งนั้น”

 

Moziahอธิบายอีกว่า “ผมเลือกหูกระต่ายเพราะว่าผมไม่สามารถหาสิ่งที่ชอบได้จริงๆ และผมก็เพียงแค่ต้องการให้ดูดีและรู้สึกดี ผมเลยให้คุณยายช่วยสอนผมเย็บหูกระต่าย จากวันนั้น ผมก็ใส่หูกระต่ายทุกวันเลยครับ”

 

คุณยายของเขาเย็บผ้ามากว่า 50 ปี มีผ้าสไตล์วินเทจและผ้าลวดลายสนุกสนานอยู่มากมาย Moziahเริ่มเป็นนายแบบใส่หูกระต่ายไปโรงเรียน ถึงแม้ว่าในตอนแรก เพื่อนๆ จะคิดว่ามันประหลาดนิดหน่อย แต่เขาก็ยังคงใส่หูกระต่ายอยู่ จนกระทั่งมีคนแปลกหน้าตามท้องถนนบอกให้เขาหยุดและถามว่าจะหาซื้อหูกระต่ายแบบนี้ได้จากที่ไหน

 

หลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นาน Mo ก็แสดงความสนใจที่จะเริ่มต้นธุรกิจ คุณแม่ Tramicaช่วย Mo เริ่มต้นธุรกิจด้วยการปริ้นนามบัตรและเริ่มสร้างเว็บไซต์ รวมทั้งขายสินค้ากับเว็บไซต์ Etsที่ขายหูกระต่ายและผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋าเสื้อสูทตั้งแต่ราคา 40 ไปจนถึง 60 เหรียญสหรัฐฯจากนั้นหูกระต่ายของเขาก็เริ่มมีขายตามร้านค้าทั่วไป ซึ่งนำไปสู่การสั่งออเดอร์ขายส่งเป็นครั้งแรก

 

ฝีมือการผลิตหูกระต่ายของ Moziahทำให้เขาได้รับข้อเสนอจากนักธุรกิจ Kevin O’Leary เป็นเงินถึง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อแลกกับเงิน 3 ดอลลาร์ จากหูกระต่ายที่ขายได้แต่ละชิ้น แต่ Daymond John ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้ายอดนิยม FUBU ที่มีมูลค่าถึง 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ กลับแนะให้ Moziahปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว และมอบคำปรึกษาที่มีค่ายิ่งให้แทนนับว่าเป็นหุ้นส่วนที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักธุรกิจที่เพิ่งแจ้งเกิดอย่าง Moziah

 

ตั้งแต่ที่ Moziahขายหูกระต่ายชิ้นแรกได้ในปี 2554 เขาก็เริ่มเปลี่ยนจากทำงานคนเดียวไปเป็นจ้างมือเย็บคนที่ 3 เพื่อให้ผลิตสินค้าทันกับยอดสั่ง ในปีแรกเขาทำเงินได้ประมาณ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ 3 ปีต่อมา Mo หายอดขายเพิ่มได้เกือบสิบเท่า หรือคิดเป็นกำไรประมาณ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

 

นอกจากจะทำให้สองแม่ลูกเริ่มมีเงินเดือนแล้ว คุณแม่ Tramicaยังบอกด้วยว่า เขามีความคิดที่จะช่วยเหลือเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสกว่าเขา จึงเริ่มก่อตั้ง Go Mo’s Summer Camp ซึ่งให้ทุนสนับสนุนส่งเด็กตั้งแต่หนึ่งถึงห้าคนไปเข้าค่ายในช่วงซัมเมอร์ทุกปี และนี่เองที่ทำให้เขาได้เป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัล Grio100 ที่มอบให้ชาวแอฟริกันอเมริกันที่ทรงคุณค่า ส่งผลให้คุณแม่ Tramicaยิ้มแก้มปริด้วยความภูมิใจ

 

ทุกวันนี้ Mo บอกว่ามีงานบางอย่างที่เขาแฮปปี้ที่จะว่าจ้างแรงงานอย่างเช่นการเย็บผ้า เพราะทำให้เขาสามารถโฟกัสในสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด นั่นก็คือการเลือกแพทเทิร์นและเนื้อผ้า การเป็นคนแถวหน้าของธุรกิจ และการคัดเลือกชุดแต่งกายของลูกค้าให้เหมาะเจาะกับหูกระต่ายของเขา ตรวจสอบหูกระต่ายทุกชิ้นอย่างพิถีพิถันก่อนส่งออกไปให้ลูกค้า

 

“ผมให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ครับ” ในขณะที่ Moziahกล่าวถึงคุณแม่ของเขาว่า “แม่เป็นผู้กระตุ้น และบอกให้ผมเดินหน้าต่อ ผมโชคดีมากที่มีคนคอยสนับสนุนและช่วยผมทำธุรกิจนี้ได้ครับ”