“เราคุยกันว่าจะมีผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรแผนโบราณตัวใดที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ ไม่ทำอันตรายต่อร่างกาย คำตอบคือ มี แต่บริษัทเราทำงานแบบคนรุ่นใหม่ ยาสมุนไพรที่เขาบอกว่าดี แท้จริงแล้วเกิดจากปู่ย่าตายายบอกต่อๆ กันมาทั้งนั้น ในขณะที่ภาพแห่งความเป็นจริงในปัจจุบัน สมุนไพรพวกนี้ดูล้าสมัยเกินไป”
ถ้าเปรียบเทียบกับยาสมุนไพรเพื่อสุขภาพจากเกาหลีและญี่ปุ่นที่กำลังอินเทรนด์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาชาวบ้านเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างและ ณัฐพงษ์ ได้นำมาปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาของ CAPP คือ การทำให้ยากินง่ายขึ้น รูปลักษณ์ทันสมัยขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น โดยลงทุนทำวิจัยประสิทธิภาพของยา (Clinical Trial) เพื่อนำผลวิจัยกลับมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ยาจากสมุนไพรที่ดี มีคุณภาพ ปลอดภัยกับผู้บริโภค และรับรองโดยสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ
ณัฐพงษ์ ใช้ “แคปปร้า” เป็นหัวหอกทะลวงตลาดให้กับ CAPP ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เทียบได้กับไวอากร้าในยาแผนปัจจุบัน ในแคปซูลสีดำประกอบไปด้วยตัวยาสมุนไพร เช่น เขากวาง อิมเฮี้ยคัก เม็ดเก้ากี้ ฯลฯ นอกจากจะมีคุณสมบัติบำรุงร่างกายตอบโจทย์ท่านชาย ผลข้างเคียงยังนับว่าน้อยมาก และที่น่าภูมิใจคือ แคปปร้ายังไปคว้ารางวัลเหรียญทองมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วย
ผลิตภัณฑ์ยาซึ่งถือเป็นแกนหลักของบริษัทอีกตัวคือ “คูลแคป” ผลิตภัณฑ์แก้ร้อนใน บรรเทาไข้ ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ ใช้บอระเพ็ดเป็นตัวยาหลักรักษาและปรับสมดุลในร่างกาย สินค้าตัวนี้แจ้งเกิดได้เพราะกลยุทธ์โฆษณาโดยแท้ ทั้งยังคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติในปี 2556 และเหรียญเงินจากงาน SIIF2013 สุดท้ายคือ “ยาโทดะ” อาหารเสริมบำรุงร่างกาย เจาะตลาดผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับทั้งเรื่องการงานและการดูแลสุขภาพ
“เราวางแผนไว้ว่าจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2-3 ตัวต่อปี ทุกตัวจะวิ่งตาม Process การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้บริโภคดีขึ้น ผลิตภัณฑ์ตัวแรกถือว่าได้ใจผู้ชายมาก ยอดขายมาเกินคาด และที่สำคัญเริ่มมีกลุ่มลูกค้าฟังเรามากขึ้น หลังเห็นว่าเราลงทุนวิจัยจริง มีเอกสารกำกับ ได้รับการรับรองจากสถาบันที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย โดยเราเป็นพาร์ทเนอร์กับเภสัชจุฬาฯ แล้วยังมีรางวัลจากต่างประเทศการันตีอีก
ถามว่าผลข้างเคียงมีไหม จะบอกว่าไม่มีก็ดูเหมือนโฆษณาเกินจริง แต่เรามี Call Center คอยรับเรื่องและให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาเปิดทำการ แต่ในช่วงเวลาที่บริษัทปิด ลูกค้าสามารถฝากข้อความไว้ได้ รุ่งเช้าเราจะรีบติดต่อกลับทันทีเพื่อช่วยคลี่คลายปัญหา และเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกตัวต่อไป ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ เพราะนี่คือสิ่งที่เราทำอย่างจริงจัง”
นอกจากสร้างแบรนด์ให้ติดตลาด จนกราฟรายได้พุ่งทะยานปีละ 20-30% โดยในปี 2556 สามารถทำยอดขาย 120 ล้านบาท แต่งานหนักที่ ณัฐพงษ์ ต้องทำควบคู่กันไปคือ การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ของบริษัท แต่ให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาด้วยยาสมุนไพร รวมทั้งการบริโภคยาที่ถูกต้องด้วย
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์คูลแคป ที่มีฐานลูกค้าค่อนข้างกว้าง แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังยึดติดกับประสิทธิภาพของยาเคมีว่ากินแล้วหายทันที แถมยังบริโภคผิดวิธีจนเป็นอันตรายต่อตับ ในขณะที่ยาสมุนไพรอาจให้ผลไม่เร็วเท่า ต้องใช้เวลาในการออกฤทธิ์ แต่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคว่าจะเลือกนำผลิตภัณฑ์ใดเข้าไปสู่ร่างกาย
และไม่ใช่แค่ผู้บริโภค เขายังต้องสื่อสารกับเภสัชกรประจำร้านยา ในเครือข่ายกว่า 4,000 ร้านทั่วประเทศ ให้เข้าใจและมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของ CAPP ซึ่งในอนาคต ผลิตภัณฑ์ของบริษัทอาจมิได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะยา แต่อาจเป็นวิตามินบำรุง หรือเวชสำอาง ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดในช่วงนั้น พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เช่น จำหน่ายตามร้าน Boot, Watson และโมเดิร์นเทรด
“ยาไทย เป็นยาดี มีอยู่ในบ้านเรา เราต้องช่วยกันสนับสนุน แต่กลยุทธ์ที่ทำมาทั้งหมด ก็ทำให้เราพูดกับตลาดต่างประเทศให้เขาเกิดความเชื่อถือได้ไม่ยาก และสามารถผลักดันสินค้าไทยที่ทำโดยคนไทยให้ไปอยู่ในตลาดโลก หรืออย่างน้อยก็ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC
แต่เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเราเป็นยา ฉะนั้นข้อกำหนดต่างๆ ค่อนข้างจะเยอะ กว่าที่ยาตัวหนึ่งจะออกไปนอกประเทศ ในรูปแบบที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย อาจต้องใช้เวลาเป็นปี แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะจากการออกงานแฟร์ รวมทั้งส่งผลิตภัณฑ์เข้าประกวดแล้วได้รับรางวัล ก็ทำให้มีคนสนใจอยากจะเป็นพาร์ทเนอร์กับเรามากขึ้น”
เป้าหมายในอนาคต ผู้บริหารหนุ่ม คาดหวังว่าคนไทยจะหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น และรับผลิตภัณฑ์ของ CAPP เข้าไปอยู่ในใจ โดยปีหน้าเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีกตัว คือ “ซี เจนนิทอล คลีนซิ่ง” ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นสำหรับผู้ชาย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้ชายยุคใหม่มองหา
“ขอเพียงมีเป้าหมายที่มั่นคง แล้วเดินไปตามทางเพื่อบรรลุเป้าหมายให้ได้ เรื่องราวระหว่างทางจะเป็นครูสอนเรา ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวัน ถ้าเราแก้ได้ นั่นคือประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น แต่อย่าหลุดออกนอกเส้นทางของตัวเอง หากทำได้ผมเชื่อว่าธุรกิจของทุกๆ คนจะประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว”
CAPP ตัวอย่างของธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้านำเสนอสิ่งที่เป็นนวัตกรรมออกมาเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้บริโภค