ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

“TMB Analytics” ส่องโรดแมพ “คสช.”


กลุ่มแรก คือ ธุรกิจที่ฟื้นตัวเร็ว ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านค้าปลีกต่างๆ ซึ่งได้รับผลพวงจากเม็ดเงินจำนำข้าวที่ได้เริ่มดำเนินการจ่ายคืนกลับเข้าสู่กระเป๋าของเกษตรกรแล้ว ทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นรวมถึงภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่มีทิศทางดีขึ้นหลังจากมีการยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญไปแล้วบางส่วน

 

กลุ่มต่อมา คือ ธุรกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ได้แก่ ธุรกิจผลิตและขายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในปัจจุบันพบว่ากำลังซื้อยังอ่อนแรงอยู่ แต่ด้วยทิศทางการปรับโครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจ ประกอบกับความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น จะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น และน่าจะเข้าสู่ภาวะปกติได้อีกครั้งในปีหน้า อย่างไรก็ดีธุรกิจที่อิงกับภาคการเกษตรยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงอันเนื่องมาจากราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของธุรกิจเหล่านั้นในระยะถัดไปได้

 

กลุ่มสุดท้าย คือ ธุรกิจที่ต้องรอปัจจัยหนุน ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ต้องมีมาตรการหรือ นโยบายจากภาครัฐช่วยกระตุ้น ได้แก่ กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ เครื่องจักรและอุปกรณ์  เนื่องจากภาครัฐอยู่ในระหว่างการดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 

อาทิ การตั้งบอร์ดบีโอไอเพื่ออนุมัติเงินลงทุนกว่า7.6 แสนล้านบาท การลดขั้นตอนการออกใบอนุญาต รง. 4 โดยเฉพาะโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นการลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งมาตรการต่างๆ เหล่านี้ อาจต้องรอเวลาสักพัก จึงจะทำให้กลุ่มธุรกิจที่รอปัจจัยหนุนได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่

 

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญสำหรับการฟื้นตัวของภาคธุรกิจในปัจจุบัน เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภคด้านความชัดเจนของโครงสร้าง นโยบาย แผนงาน และมาตรการทางเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ทยอยออกมาว่าจะสามารถแปลงให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติได้มากขนาดไหน ซึ่งในส่วนภาคธุรกิจคงต้องปรับตัวตาม และเลือกวางแผนธุรกิจให้มีความสอดคล้องกับแผนงานใหม่ๆ ของภาครัฐ อันจะนำไปสู่การฟื้นตัวของธุรกิจ
อย่างมีประสิทธิภาพได้