ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

เด็กดีดอทคอม เว็บไซต์พันธุ์ X ใช้หัวคิดแบบ “เด็กๆ” ทำเงิน 8 หลัก


ในวันที่เว็บไซต์ถือกำเนิดขึ้นและล้มหายตายจากไปมากมาย แต่สำหรับ “เด็กดีดอทคอม” พวกเขาสามารถยืนหยัดยาวนานมาได้ถึง 15 ปี ซึ่งนับว่าไม่ธรรมดา สำหรับเว็บไซต์ที่ใช้หัวคิดแบบ “เด็ก” รายนี้

 

ปกรณ์ เล่าให้ฟังว่า โดยส่วนตัวและเพื่อนๆ ชอบค้นหาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต โดยเลือกที่จะเปิดเว็บไซต์เฉพาะที่ตรงกับความต้องการและตรงกับวัยเรียน ปรากฏว่า ไม่มีเว็บไซต์ใดเลยที่โดดเด่น และสามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างโดนใจ จนเมื่อเรียนระดับชั้นมัธยมปลายจึงเกิดไอเดียกับเพื่อน ลองสร้างเว็บไซต์ดังกล่าวขึ้นมา ตั้งเป้าหมายให้เป็นเวทีถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นโดยเฉพาะ ทั้งชีวิตในโรงเรียนและนอกรั้วโรงเรียน เน้นถ่ายทอดเรื่องราวที่มันๆ และโดนใจ ชนิดที่ว่าหากได้กวาดสายตาอ่านแล้ว เป็นต้องอยากอ่านต่อ

 

“พวกเราเริ่มจากการสร้างบล็อกให้วัยรุ่นได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งบางคนก็เข้ามาแลกเปลี่ยนเรื่องเทคนิคการสอบ แนะนำสถานที่ติวเตอร์ต่างๆ ระบายเรื่องความรัก แนะนำหนังสือน่าอ่าน หนังน่าดู ต่อจากนั้นก็รวบรวมข้อมูลที่ได้รับความนิยมในบล็อก ไปโพสต์ลงบนหน้าเว็บไซต์ของเรา ปรากฏว่าทุกเรื่องที่โพสต์โดนใจวัยรุ่นอย่างมาก โดยทุกๆ เรื่องราวมีสาระประโยชน์ ทำให้นับวันยิ่งมีวัยรุ่นเข้ามาท่อง มาอ่าน มาศึกษาเว็บไซต์เราอย่างไม่ขาดสาย และยังเกิด Talk of the town กันไปทั่วในกลุ่มวัยรุ่น” ปกรณ์เล่าถึงจุดเริ่มต้นของเด็กดีดอทคอม

 

ทุกๆ วันเว็บไซต์ “เด็กดีดอทคอม” จะมีการอัพเดทข่าวสารเพื่อให้กลุ่มวัยรุ่นได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยตลอด 1 ปี หลังจากที่เว็บไซต์ปรากฏสู่โลกออนไลน์ สิ่งที่ปกรณ์ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น

 

“อยู่มาวันหนึ่งก็มีโรงเรียนสอนกวดวิชาโทรมาขอลงโฆษณาบนเว็บไซต์ของเรา พวกเรางงมาก เหตุที่เขาเลือกเรา เพราะเห็นว่าเว็บของเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนคือกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งตรงกับกลุ่มลูกค้าของธุรกิจติวเตอร์ เรามีรายได้ก้อนแรก 2,500 บาทต่อเดือน ลูกค้าเซ็นสัญญา 1 ปี ทำให้พวกเรารู้สึกดีใจและประทับใจมาก รายได้ก้อนนั้นกลายเป็นแรงผลักให้เรามุ่งสร้างเว็บไซต์อย่างจริงจัง และมีความเข้มข้นมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม และเราก็มองเห็นว่าอนาคตการเติบโตของธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย จะต้องก้าวไปได้ไกลอย่างแน่นอน จนในที่สุดพลังที่ฮึกเหิมก็ทำให้พวกเราตัดสินใจก่อตั้ง บริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด ขึ้นในปี 2007 หลังจากที่ทุกคนเรียนจบชั้นมัธยมปลาย กุนซือเด็กดีดอทคอม เล่าถึงจุดเปลี่ยนของเว็บไซต์

 

หลังจากนั้น 4 ปี เว็บไซต์ “เด็กดีดอทคอม” ก็กลายเป็นเว็บไซต์ที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของเว็บไซต์ที่ได้รับการพัฒนาโดยคนไทย ได้รับรางวัลดังกล่าว 2 ปีติดต่อกัน กับรางวัล “Top 10 of the year” จากศูนย์วิจัยนวัตกรรมอินเทอร์เน็ตไทย หรือ Truehits.net

 

อย่างไรก็ตาม ระยะต่อมาเมื่อโลกอินเทอร์เน็ตได้รู้จักกับ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ซึ่งเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียที่ว่านี้ ได้สร้างผลกระทบให้กับเว็บไซต์ “เด็กดีดอทคอม” อยู่พอสมควร เพราะนั่นทำให้พื้นที่สำหรับกลุ่มวัยรุ่นหรือผู้ใช้งาน (User) เปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งเท่ากับเด็กดีดอทคอม กำลังถูกท้าทายจากสื่อเหล่านี้อย่างหนัก และทำให้ผู้บริหารทั้ง 4 คนของเด็กดีดอทคอมจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยเพิ่มเติมในส่วนของ Digital Marketing มากยิ่งขึ้น

 

“บนโลกโซเชียล แต่เดิมพวกเขาคือผู้บริโภคเว็บไซต์ของเรา แต่ตอนนี้พวกเขาไปใช้เวลาจดจ่ออยู่กับเฟซบุ๊กมากกว่าที่จะคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา ดังนั้น กลยุทธ์ของเราจึงต้องทำการเชื่อมต่อเฟซบุ๊ก เพื่อใช้เป็นสะพานในการเชื่อมให้กลุ่มผู้บริโภคหันกลับมาเสพเว็บไซต์ของเราเหมือนเดิม” เจ้าของเว็บไซต์เด็กดีดอทคอม เล่า

 

ปกรณ์ ยังเล่าต่อไปถึงวิธีการบริหารเฟซบุ๊กของเด็กดีดอทคอมว่า ได้มีการแบ่งพนักงานเข้ามาดูแลความเคลื่อนไหวของเพจเด็กดีดอทคอมบนเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งหมด 7 ทีม 20 คน กระจายการโพสต์วันละประมาณ 4-5 ครั้ง มีเรื่องราวมากกว่า 10 เรื่องต่อวัน ให้วัยรุ่นได้อ่าน ยกตัวอย่าง ช่วงเช้าประมาณ 7.00 น. จะนำเสนอเรื่องราวที่ฮอตฮิตจากวันที่ผ่านมา เพื่อให้วัยรุ่นนำไปพูดคุยกับเพื่อนในโรงเรียน และโพสต์อีกครั้งช่วงพักเบรคเวลา 12.00 น. หลังจากนั้นในเวลาหลังเลิกเรียน ก็จะโพสต์อีกครั้ง ในหลายๆ เรื่องราวที่น่าสนใจ

 

ขณะนี้เฟซบุ๊ก “เด็กดีดอทคอท” มียอดกดไลค์อยู่ที่ 1,503,967 คน (ธันวาคม 2557) ในทุกๆ วัน จะมีผู้ที่เข้ามากดไลท์ประมาณ 4,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นยอดที่เกิดขึ้นจากผู้ที่ชื่นชอบเพจนี้โดยตรง ไม่ได้มาจากการลงทุนซื้อไลค์อย่างที่บางเพจลงทุนทำ ยอดความชื่นชอบที่ปรากฏตัวเลขที่สูงขนาดนี้นั้น เจ้าของไอเดียเผยว่า อยู่ที่คอนเทนต์โดยเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกไปล้วนตอบโจทย์ความอยากรู้อยากเห็นของวัยรุ่น จึงทำให้เกิดการกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อโดยไม่ต้องมีการบังคับ

 

นอกจากการโหมหนักในการทำตลาดบนโลกโซเชียลมีเดียแล้ว “เด็กดี ดอทคอม” ยังลงมาทำการตลาดออนกราวด์ด้วยการจับมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ จัดเวทีบรรยายความรู้ เทคนิคในการสอบเข้าคณะต่างๆ หรือการทำกิจกรรมส่งดาวเด่นของแต่ละมหาวิทยาลัยเข้าไปประกวดกันบนเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ของเด็กดีดอทคอม

 

รวมทั้งยังมีการจัดทำพ็อกเก็ตบุ๊คจำหน่าย เช่น หนังสือกว่าจะเป็นหมอ หนังสือกว่าจะเป็นเภสัชกร เป็นต้น ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลจากเนื้อหาที่นำเสนอบนเว็บไซต์และสื่อโซเชียลอื่นๆ เพื่อให้วัยรุ่นที่ไม่มีเวลาเข้ามาอ่าน หรืออ่านข้อมูลเหล่านี้แต่ไม่ครบถ้วน ก็สามารถซื้อหนังสือเพื่อไปอ่านทบทวนได้เช่นกัน นอกจากนี้เด็กดีดอทคอมยังมีบริการส่งข่าว SMS อีกด้วย

 

สำหรับพิมพ์เขียวในการทำธุรกิจของวัยรุ่นหัวใส ทั้ง 4 คน เริ่มต้นจากการทุ่มงบประมาณลงทุนไปกับการวางระบบอินเทอร์เน็ตให้เสถียร จากนั้นจึงทำการตลาดโดยใช้หน้าเว็บไซต์ที่สามารถประชาสัมพันธ์และหารายได้ได้โดยทันที ที่สำคัญคือ การต่อยอดในการหารายได้ไปยังช่องทางอื่นๆ โดยสรุปแล้ว เด็กดีดอทคอม มีรายได้จาก 4 ช่องทาง ได้แก่ โฆษณาซึ่งมีลูกค้ากว่า 300 รายต่อปี การขายพ็อกเก็ตบุ๊ค บริการ SMS และการจัดอีเว้นท์ ทอล์คโชว์ และงานแฟร์

 

“ธุรกิจเรามีการเติบโตอยู่ที่ปีละ 30% โดยปัจจุบันมีรายได้อยู่ที่ 8 หลัก มีพนักงานร่วมสุขกว่า 80 ชีวิต สำหรับปีหน้าตั้งเป้าการเติบโตเบาๆ ไว้ที่ 30% จากรายได้ในปีที่ผ่านมา และจะมีโปรเจกต์ใหม่เพิ่มเข้ามาอีกเรื่อยๆ” ปกรณ์ทิ้งท้ายไว้อย่างอารมณ์ดี