ฉลามทั้ง 5 เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นธุรกิจและขายธุรกิจมาแล้ว จนมีเงินนับพันล้าน (Billionaire) ซึ่งผู้ประกอบการจะเสนอข้อตกลงทางธุรกิจ เพื่อโน้มน้าวนักลงทุนให้มาลงทุนในธุรกิจของเขา ซึ่งมีเทคนิคต่างๆ ที่น่าสนใจมาก ทั้งในการนำเสนอแผนธุรกิจ หรือการเจรจาต่อรองชนิดที่แทบจะไม่ต้องหายใจกันเลย เพราะเขาต่อรองธุรกิจกันหน้าจอทีวี และจบตรงนั้นเลย
ในบางเทป เราจะเห็นว่าผู้ประกอบการไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน กลับบ้านไปมือเปล่า บางเทปดุเดือดมากเห็นถึงการสู้กันของฉลาม แย่งธุรกิจที่เข้ามานำเสนอกัน และบางเทปก็สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ Shark Tank …
Kevin O’Leary หนึ่งในฉลามแห่ง “Shark Tank” แสดงความยินดีกับข้อตกลงที่ทำร่วมกับ Andrew McMurray ตัวแทน Zipz Wine นำเสนอผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นไวน์แบบเสิร์ฟครั้งเดียว และเป็นผู้ที่ได้รับข้อตกลงที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์รายการ ซีซั่น 6 และได้รับเงินทุนจาก Kevin O’Leary สูงถึง 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อแลกกับหุ้น 10% ของ Zipz
Zipzคือไวน์แบบเสิร์ฟครั้งเดียวที่บรรจุปิดผนึกในแก้วพลาสติกที่ทนทาน ถึงแม้คอนเซ็ปต์นี้จะถือกำเนิดมาหลายปีแล้ว แต่ McMurray บอกในรายการว่าแก้วของ Zipzถูกออกแบบให้ยืดอายุการเก็บรักษาไวน์ได้นานกว่าคู่แข่ง และยังสามารถนำมารีไซเคิล นำมาบรรจุใหม่ และทนทานอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย ที่สำคัญดีไซน์นี้จดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว
เหตุผลที่นักลงทุนแย่งกันโฉบหุ้นของ Zipz Wine เพราะ McMurray บอกกับนักลงทุนว่า ใน 16 เดือนแรก Zipzทำข้อตกลงเรื่องใบอนุญาตกับไร่องุ่น Fetzer Vineyards เพื่อเสิร์ฟไวน์นี้ในสนามเบสบอลเมเจอร์ลีค 6 แห่ง นอกจากนี้ Zipzกำลังเจรจากับผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ที่สุดของโลก 3 ราย จากทั้งหมด 10 ราย และหนึ่งในนั้นคือ Yellow Tail
“พวกเขามีความเห็นว่า แพ็คเกจของเรากำลังจะเข้าสู่ธุรกิจไวน์เหมือนกับที่กระป๋องอะลูมิเนียมทำให้กับธุรกิจน้ำอัดลม” McMurray กล่าว
เขาอธิบายว่า บริษัทลงทุนกับแพ็คเกจด้วยเงิน 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสามารถดึงนักลงทุนระดับ Wall Street กว่า 25 รายมาเข้าร่วม รวมไปถึงเจ้าของทีมนักกีฬามืออาชีพอีก 3 ทีมด้วย บริษัทได้นำผลิตภัณฑ์ออกสู่ร้านค้าในสหรัฐฯ กว่า 1,200 ร้านรวมทั้งร้าน Wal-Mart สร้างยอดขายแบรนด์ Zipzสูงถึง 650,000 เหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่แบรนด์ออกสู่ตลาดครั้งแรก
McMurray บอกอีกว่าเขากำลังมองหาการลงทุนร่วมกับ Shark เพื่อที่จะนำธุรกิจก้าวไปอีกระดับ นั่นก็คือการทำข้อตกลงเพื่อจัดจำหน่ายไปยัง Costco ซึ่งเป็นแหล่งค้าไวน์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ข้อเสนอนี้เข้าทางกูรูไวน์อย่าง O’Leary ที่มีคอนเนกชั่นกับ Costco ในปี 2556 Costco ทำยอดขายไวน์สูงถึง 1.46 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เขาบอกกับ McMurray ว่า แพ็คเกจของเขาจะช่วยสานฝันในการส่งไวน์แบรนด์ O’Leary ขายที่ร้าน Costco เป็นจริงขึ้นมา
O’Leary เล่าอีกด้วยว่า หลังจากการพบปะกับตัวแทนไวน์ของ Costco เป็นครั้งแรกเขาใช้เวลาถึง 2 ปีที่จะพิสูจน์ว่าชื่อเสียงของเขาโด่งดังเพียงพอที่จะผลักดันแบรนด์เข้าสู่ร้านค้า แต่แล้วเขากลับต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้ไวน์มีราคาไม่แพงนัก เนื่องจาก 97% ของไวน์ที่ขายในสหรัฐฯ มีราคาต่ำกว่า 10 ดอลลาร์
เขาเล่าว่าราคาปัจจุบันที่ 2.99 ดอลลาร์ ต่อไวน์ Zipzหนึ่งแก้วนั้นยังคงสูงเกินไป ถึงแม้ McMurray จะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องราคา แต่ O’Leary ก็ยืนกรานให้เขาพิจารณาเรื่องนี้
“ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายไวน์ในอเมริกา ต้องยกให้เป็นหน้าที่ของทีมการซื้อของพวกเขา Costco รู้ทุกเรื่อง และพวกเขาก็ไม่ชอบราคานี้”
O’Leary บอกกับ McMurray ว่าหากต้องการให้ Zipzทำยอดขายต่อปีให้ได้ถึง 19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านร้าน Costcoเขาต้องปรับราคาขายปลีกลงไปที่ 1.49 ดอลลาร์ แล้วหลังจากนั้น เขาจึงจะนำ Zipzเข้าสู่ตลาดขายส่ง McMurray บอกว่า เป็นไปได้ที่ผลิตภัณฑ์จะเข้าสู่จุดดังกล่าวด้วยการปรับเปลี่ยนแพ็คเกจและปรับขนาดการผลิต
ถ้าการเจรจากับ Costco สำเร็จ ตามข้อตกลงในรายการ ฉลามนักลงทุนอย่าง O’Leary จะสามารถซื้อหุ้นของ Zipzเพิ่มได้อีก 2.5 ล้าน
เหรียญสหรัฐฯ เป็นเจ้าของบริษัทได้ 20% ของมูลค่าหุ้นที่ 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น