อย่างไรก็ตาม การปรับตัวทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจเก่าเหล่านี้ยังน้อยกว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจใหม่ ทำให้การส่งออกของไทยลดลงกว่าเป้าหมายอย่างมาก รวมทั้งรัฐบาลคืนความสุขให้ประชาชนเดินเครื่องการใช้จ่ายภาครัฐไม่ได้เต็มที่ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐหลายโครงการล่าช้า (ไม่รู้มีใครวางยาหรือเปล่า) เลยทำให้การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวและผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเพราะไม่แน่ใจรายได้ในอนาคต ผลจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดราคาลงต่อเนื่องทำให้ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายลดลง แต่แปลกที่ราคาสินค้าส่วนใหญ่กลับไม่ลดราคาตาม คงเป็นประเภท “แกล้งทำเป็นลืม” ขึ้นราคาแล้วขึ้นเลย เงินเฟ้อไม่ขยับ ภาครัฐจึงต้องเร่งเครื่องจักรกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มเงินเข้าระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนมีเงินมากขึ้น กล้าใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งภาคการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ย ทำให้ทั้งดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลงทั่วหน้า เพื่อให้คนฝากเงินน้อยลง เอาเงินมาใช้จ่าย หรือลงทุนอื่นๆ มากขึ้น และก็คาดหวังว่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงจะทำให้คนกล้ากู้ไปลงทุนหรือใช้จ่ายมากขึ้น
ส่วนเรื่องที่ลดเงินในกระเป๋าของผู้บริโภคคงต้องลดหรือเตะออกไปก่อน เช่น เรื่องภาษีบ้าน (โดยส่วนตัวผมเห็นว่ามาผิดเวลาจริงๆ คนเขาระมัดระวังการใช้จ่ายเงินอยู่ ยิ่งจะมาเก็บภาษีเลยเครียดกันไปใหญ่หมดอารมณ์จับจ่าย) รัฐบาลต้องเร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว ทั้งเพิ่มวันหยุดส่งเสริมให้คนไปเที่ยวไปใช้จ่ายเงินในต่างจังหวัด เพราะภาคเกษตรไม่มีเงิน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรไม่ดี ร่วงกันทั่วหน้า รัฐบาลผ่อนปรนกติกาหลายประการเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาใช้จ่ายเงินในประเทศได้ง่ายขึ้นและอยู่ท่องเที่ยวในประเทศไทยนานขึ้น ทางภาคใต้รัฐบาลผ่อนผันให้รถโดยสารจากประเทศมาเลเซียสามารถเดินทางเข้าออกจังหวัดสงขลาได้ รวมทั้งต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเต็มที่ แม้หลายคนอาจจะส่ายหน้า (บอกบุญไม่รับ) แรงๆ แบบพัดลมฮาตาริ แต่นักท่องเที่ยวจีนเป็นเบอร์หนึ่งเรื่องจำนวนปริมาณ (อาจด้อยคุณภาพบ้าง)
แต่นาทีนี้ต้องเอาใจกันให้ใช้จ่ายมาเที่ยวไทยมากๆ เรื่องมาตรฐานสายการบินที่บางสายการบินไม่ผ่านมาตรฐานสากล จึงเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ที่ต้องรีบแก้ไขปรับปรุงให้เขารับมาตรฐาน เพราะเราต้องอาศัยสายการบินเหล่านี้ช่วยขนนักท่องเที่ยวเข้ามา ผมทำตัวเป็นนักเศรษฐศาสตร์เล่าเรื่องเศรษฐกิจเสียยืดยาวก็เพื่อให้ท่านเข้าใจว่าทำไมนักการตลาดจึงต่างเร่งแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้ท่านใช้จ่าย หลายท่านคงสังเกตว่าร้านค้าสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ทำการเร่งยอดขายต่อเนื่องทั้งให้สะสมแสตมป์ (ที่ได้จากการซื้อสินค้าต่างๆ) ไว้แลกของแถมของชำร่วยต่างๆ เดี๋ยวนี้เวลาที่ท่านจ่ายเงินค่าชำระสินค้า พนักงานขายของ 7-11 ไม่พูดว่า “รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ/ครับ” ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมต้องเป็นแค่ขนมจีบกับซาลาเปา ท่านเลยหมดสิทธิ์เอาวลีนี้ไปล้อกันเล่นอีกต่อไป ปัจจุบันพนักงานขาย 7-11 จะพูดว่า ท่านซื้อสินค้าหรือจ่ายชำระค่าบริการสาธารณูปโภค (ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า) ถึงยอดเท่านั้นเท่านี้ เลยได้สิทธิ์ซื้อสินค้าที่ร่วมรายการในราคาลดพิเศษ เทคนิคเพิ่มยอดขายแบบนี้ได้ผลกว่า “เทคนิคขายเพิ่มขนมจีบ ซาลาเปา” แน่นอนเพราะท่านเกิดความรู้สึกว่าท่านไม่ถูกบังคับหรือขอร้องให้ซื้อเพิ่ม คำว่าได้รับสิทธิ์ ฟังแล้วรู้สึกดีว่ามีสิทธิ์พิเศษ (เรื่องแบบนี้พี่ไทยชอบ) อีกทั้งยังไม่ถูกจำกัดสิทธิ์ซื้อสินค้าใดสินค้าหนึ่งเพียงอย่างเดียว ท่านสามารถใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าได้หลากหลายที่ร่วมรายการ หากไม่รับสิทธิ์ซื้อสินค้าทันทีก็สามารถเก็บไว้ใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าเหล่านี้ในโอกาสหน้าที่ร้าน 7-11 ใดก็ได้ทั่วประเทศ พนักงานขาย 7-11 เปลี่ยนเป็นพูดว่า
ท่านได้รับสิทธิ์ซื้อสินค้าในราคาลดพิเศษแล้วก็เสนอรายการสินค้าบางอย่างที่วางไว้ที่เคาน์เตอร์เก็บเงิน เช่น น้ำอัดลมราคากระป๋องละ 14 บาท ลดราคาเหลือกระป๋องละ 10 บาท แล้วก็เชิญชวนให้ใช้สิทธิ์แลกซื้อ หรือบอกให้ดูรายการสินค้าอื่นๆ ที่ร่วมรายการในโปสเตอร์ที่ติดอยู่ใกล้ๆ ทำแบบนี้ได้ผลครับ เพราะสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อเพิ่มได้เกือบทุกราย เงินก็ไหลมาเทมาเข้ากระเป๋าเจ้าพ่อ CP ซึ่งรายได้อาจจะโดนกระทบบ้าง เพราะภาคเกษตรไม่ดี คนรวยเขามีเครื่องจักรปั๊มเงินหลายตัวครับ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร โดยรวมๆ ก็ยังรวยคงเส้นคงวาครับ เทสโก้ โลตัส (เครื่องจักรปั๊มเงินของเจ้าพ่อ CP อีกแล้วครับท่าน)
ถึงแม้จะประกาศตัวว่าขายสินค้าราคาถูกแบบเสมอต้นเสมอปลาย (ถูกทุกวัน) ยังออกแรงกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้ามาซื้อสินค้ามากขึ้น ท่านคงผ่านหูผ่านตาโฆษณาของเทสโก้โลตัส ให้ไปซื้อเนื้อหมูราคาพิเศษ โฆษณาทำได้ดีครับ เทคนิคการเพิ่มการขายแบบนี้ ทางการตลาดเรียกว่า การตั้งราคาแบบเหยื่อล่อ วิธีการง่ายๆ คือ ตั้งราคาขายสินค้าบางอย่างให้ถูกมากๆ (อาจจะมีการจำกัดจำนวนซื้อ) เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความอยาก (ความโลภ) ไปซื้อสินค้าราคาถูกพิเศษนั้น ท่านคงมองภาพออกว่า ผู้บริโภคเมื่อเข้าไปในเทสโก้ โลตัสคงไม่ไปซื้อสินค้าที่ลดราคาพิเศษอย่างเดียว แต่โดยธรรมชาติพฤติกรรมผู้บริโภคย่อมซื้อสินค้าอื่นๆ ด้วยแน่นอน สินค้าลดราคาพิเศษนี้จึงเสมือนเป็นเหยื่อล่อให้ผู้บริโภคเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าในเทสโก้โลตัส เทสโก้ โลตัสอาจจะขายแบบขาดทุนในรายการสินค้าเหยื่อล่อนี้บ้าง
แต่รับรองยอดขายรวมเพิ่มขึ้นแน่นอน ไม่งั้นเขาไม่ลงทุนโฆษณากระตุ้นให้ท่านมาซื้อหรอกครับ เข้าทำนอง “ความโลภไม่เคยปรานีใคร” อดใจไม่ไหวก็ต้องไปจับจ่ายซื้อสินค้า ในความเป็นจริง เทสโก้ โลตัสอาจจะต่อรองให้ผู้ขายสินค้าที่ใช้เป็นเหยื่อล่อลดราคาให้ หรือร่วมสนับสนุนรายการส่งเสริมการขายนี้ เพราะฉะนั้นเขาอาจจะไม่ขาดทุนเลยก็ได้ โปรดสังเกตว่าเทคนิคเพิ่มยอดขายแบบนี้จะใช้ในช่วงเทศกาลที่ผู้บริโภคมีแนวโน้ม (อารมณ์หรือความจำเป็น) ต้องจับจ่ายใช้สอยอยู่แล้ว เทคนิคเพิ่มยอดขายแบบนี้จะได้ผลดีต้องลดราคามากพอที่จะกระตุ้นต่อมความโลภของผู้บริโภคได้ และไม่ควรให้เวลาแคมเปญแบบนี้นานเกินไป เอาพวกเราได้เวลาติดเหยื่อไปซื้อสินค้ากันแล้วครับ!!!