ศักดา เล่าว่า “ตอนนั้นลงทุนไปล้านกว่าบาท ทำเทียนไขออกมาเสร็จก็ไปติดต่อวางขายที่ร้านสังฆภัณฑ์เจ้าใหญ่ ก็ถูกปฏิเสธหมด ลองไปร้านเล็กๆ ก็พบว่าต้นทุนการทำเทียนของเราสูสีกับราคาขายเทียนสำเร็จรูปด้วยซ้ำ ก็ต้องยอมขายราคาทุน แล้วมองหาโรงงานวัตถุดิบใหม่เพื่อลดต้นทุน ผมได้ไปคุยกับร้านสังฆภัณฑ์อย่างจริงจัง ทำให้เข้าใจตลาดเทียนมากขึ้น และได้รับคำแนะนำให้ลองทำเทียนไร้น้ำตาดู น่าจะขายได้ดี” คำแนะนำนี้ถูกเพิกเฉยจากผู้ผลิตเทียนรายใหญ่ แต่ ศักดา ผู้ที่ไม่มีอะไรจะเสียในวันนั้น ได้นำกลับไปให้รุ่นพี่มีโรงงานทำเทียนไข คิดค้นและปรับส่วนผสมวัตถุดิบทั้ง 5 อย่าง จนสำเร็จออกมาเป็นเทียนไร้น้ำตาภายในเวลาเดือนกว่าๆ โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์แบบง่ายๆ คือเมื่อจุดไฟแล้วเกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่สมบูรณ์ก็จะไม่เหลือน้ำตาเทียนไหลหยดเลอะเทอะ ที่สำคัญยังให้แสงที่สว่างกว่าและไร้เขม่าควันดำ
ศักดา เล่าว่าหัวใจสำคัญคือ ห้ามใช้เทียนเก่ามาหลอมทำเป็นเทียนใหม่ เพราะจะทำให้การเผาไหม้ลดประสิทธิภาพลง ต้องเลือกใช้แต่วัตถุดิบที่ใหม่และสะอาดในกระบวนการผลิตเทียน นอกจากนี้ยังใส่น้ำหอมและสีลงไปกลายเป็น “เทียนมงคล 9 สี” สำหรับกลุ่มลูกค้าที่นิยมใช้เทียนสีไหว้พระพิฆเนศวรและพระพรหม พร้อมปรับบรรจุภัณฑ์เทียนใหม่ จากเดิมต้องซื้อห่อใหญ่ในราคาหลักร้อย เป็นห่อเล็กขาย 9 เล่ม ในราคา 20 บาท เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น “ผมคิดว่าความสำเร็จของเราเกิดจากการ ‘พัฒนา’ ตลอดเวลา แม้ว่าโรงงานของเราจะเล็ก แต่เวลาทำอะไรต้องรวดเร็ว และทำให้ลูกค้าผู้บริโภครู้สึกว่าศักดิ์มงคลพรพยายามทำของดี มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาให้เขาใช้เสมอ ต้องไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าใช้เทียนไขยี่ห้ออะไรก็ได้ อย่างนั้นเราจะลำบาก เมื่อตลาดตอบรับดี ร้านสังฆภัณฑ์ก็ยิ่งมั่นใจรับสินค้าเราเข้าร้านมากขึ้น” ศักดากล่าว
อีกปัจจัยที่ทำให้ร้านสังฆภัณฑ์ ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายหลักเปิดใจรับเทียนไขไร้น้ำตาของศักดา นั่นคือ “การบริการ” เพราะศักดาเข้าใจข้อจำกัดของพื้นที่ร้าน ฉะนั้นหากสั่งสินค้าจากเขาสามารถสั่งในปริมาณน้อยๆ ได้ อีกทั้งศักดาลงทุนตั้งทีมขนส่งสินค้าขึ้นมาโดยเฉพาะ ในขณะที่ผู้เล่นรายอื่นเลือกที่จะส่งสินค้าผ่านรถขนส่งมวลชน ที่ไม่อาจรับผิดชอบในความเสียหาย เขาส่งถึงสินค้าถึงที่ สั่งลังเดียวก็ไปส่ง ให้บริการฟรีทั่วประเทศ สินค้าแตกหักยินดีรับผิดชอบ ทางร้านค้าที่รับไปก็สบายใจ เพราะทำเกินความคาดหวังของลูกค้า หลายร้านก็ช่วยเชียร์สินค้า ขณะที่ผู้บริโภคก็ได้ใช้สินค้าที่ผลิตใหม่ๆ เสมอ ศักดายอมรับว่าสิ่งที่ทำส่งผลให้ต้นทุนสูง กำไรน้อยกว่าเจ้าอื่นๆ ในตลาด คือประมาณ 10-15% แต่ก็ได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นการทดแทน
จากยอดขายเทียนไขธรรมดาในปีแรก อยู่ที่ 600,000 บาท รายได้ต่ำจนแทบจะปิดกิจการ แต่หลังจากเปลี่ยนไปขายเทียนไขไร้น้ำตา ศักดาทำยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดอยู่ที่ 8 ล้านบาท และในปี 2557 มียอดขายรวม 18 ล้านบาท และเมื่อเริ่มมีรายการสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น ก็ทำให้ปี 2558 ปิดยอดขาย 76 ล้านบาท สำหรับปี 59 ศักดามีรายได้แตะ 100 ล้านบาทได้สำเร็จ
