ชัยพร โสธรนบุตร ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ผลไม้แปรรูปวรพร จำกัด ทายาทธุรกิจรุ่นที่ 3 เล่าว่า เมื่อ 60 ปีที่แล้ว อากง “ไต่ไห้ แซ่โค้ว” อพยพมาจากประเทศจีน มาอยู่ที่เมืองแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา โดยนำเอาความรูปเรื่องแปรรูปผักผลไม้ติดตัวมาด้วย จึงได้ทำมะม่วงดองโหลแก้วขาย ต่อมาคุณพ่อ (ชัยรัตน์ โสธรนพบุตร) ซึ่งเป็นทำงานข้าราชการครู ก็ใช้เวลาว่างในหยุดทำมะม่วงและผลไม้ดองขายส่งตามร้านต่างๆ เป็นระยะเวลา 3-4 ปี มีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เห็นว่าธุรกิจนี้สามารถทำเงินดีกว่างานราชการ จึงตัดสินใจลาออกในปี 2529 เพื่อหันมาทำธุรกิจแปรรูปผลไม้เต็มตัว
คุณพ่อของชัยพรใช้เงินเก็บกว่าล้านบาทมาลงทุนกับธุรกิจ โดยใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผสมกับความรู้วิทยาศาสตร์ที่เคยสอนเด็กนักเรียน ใช้พื้นที่ในบ้านตั้งโอ่งดองมะม่วง 40 โอ่ง โอ่งละ 100 ลิตร ตอนแรกคิดว่าจะเก็บไว้ขายสักครึ่งปี แต่กลับขายหมดภายใน 3 เดือน
นั่นจึงเป็นเหตุให้ขยายธุรกิจต่อทันที ด้วยการสร้างโรงงานมูลค่า 3 ล้านบาท ที่สามารถแปรรูปมะม่วงสดได้ปีละ 2,000 ตัน สำหรับเมืองไทย ผลิตภัณฑ์มะม่วงแปรรูประดับโรงงานอุตสาหกรรมมีไม่ถึง 1% ของผลผลิตทั้งหมด ส่วนใหญ่ทำกันเป็นครัวเรือนหรือชุมชน จึงมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจต่อไปอีกมาก ”ถ้าจะขายมะม่วงดองแบบเดิมๆ ใส่ถุงจิ้มเกลือ ก็คงจะไม่สามารถขยายตลาดได้ ช่วงนั้นจึงได้พัฒนาด้านแพ็คเกจจิ้งพร้อมกันไปด้วย ทำเป็นถุงระบบปิด ทำรสชาติมะม่วงดองที่อร่อยแบบไม่ต้องจิ้มพริกกับเกลือ หรือส่วนที่ใส่กล่องก็ออกแบบลายให้สวยงาม ซึ่งในตอนนั้น ถือว่าเป็นเจ้าแรกของไทย กระทั่ง 7-Eleven เห็นว่าสินค้ามีนวัตกรรมจึงได้ติดต่อไปขายในร้าน จนถึงปัจจุบัน มีกว่า 7,000 สาขา” ชัยพรกล่าว
สินค้าหลักของ “วรพร” นอกเหนือจากมะม่วงดองแล้ว ยังมี “ มะม่วงกวน ” ที่โดดเด่นด้วยการนำเนื้อมะม่วงสุก 3 สายพันธุ์มารวมกันได้แก่ พันธุ์พิมเสน น้ำดอกไม้ และโชคอนันต์ ได้ออกมาเป็นมะม่วงกวนที่มีรสชาติความหวาน สีสันสวยงาม และกลิ่นที่หอม จัดจำหน่ายหลายช่องทาง ทั้ง 7-Eleven ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกอื่นๆ ทางออนไลน์ Facebook “วรพร ผลไม้แปรรูป” พร้อมกับส่งออกไปกว่า 11 ประเทศ อาทิ จีน สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย เป็นต้น สร้างยอดขายปีละกว่า 100 ล้านบาท
แผนธุรกิจในอนาคต ตั้งเป้ารายได้เติบโตร้อยละ 5-10% ต่อปี โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่วางขายไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ชนิด ด้านต่างประเทศ ก็จะเน้นตลาดจีนให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นประเทศที่ส่งออกมากที่สุด พร้อมขยายตลาดใหม่อย่างสหรัฐฯ ในส่วนของการตลาดจะเน้นออนไลน์มากขึ้น พร้อมกับมีการออกบูธตามงานต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์กระตุ้นยอดขายภายในประเทศ
“ชาวจีนชอบรสชาติของมะม่วงไทยเป็นพิเศษ อีกอย่างที่นั่นมะม่วงมีราคาแพง รวมไปถึงส่วนผสมอย่างน้ำตาลก็มีราคาแพง ทำให้สินค้าแปรรูปมีแพงตามกันไปด้วย จึงเป็นโอกาสที่ดีของสินค้าไทยที่จะไปตีตลาดที่นั่น” ชัยพร กล่าวเสริม การทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรืออาหารแบบบ้านๆ ถ้าเราไม่หยุดที่จะหาความรู้ แล้วนำมาพัฒนาต่อยอดสินค้า ก็จะสามารถประสบความสำเร็จเหมือน มะม่วงดอง “วรพร” ได้เช่นกัน