ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

ลูกชาวนา…รวยสู้ฟัด! สร้างอาณาจักร “ชาบูอินดี้” บุฟเฟ่ต์พันล้าน!


           

สุภัทรา ย้อนอดีตในช่วงวัยเด็กว่า เธอเกิดและเติบโตมาในครอบครัวของชาวนาที่จังหวัดพิษณุโลก เธอช่วยพ่อแม่ทำนามาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเรียนจบชั้น ม.ต้น ก็เข้ามาเรียนต่อปวช.ด้านบัญชี ในตัวเมือง ควบคู่ไปกับการทำงานพิเศษเป็นเด็กชงกาแฟ ได้เงินเดือน 4,000 บาท โดยหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว จากนั้นก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ เพราะเห็นว่าได้เงินจากทิปมากกว่าเฉลี่ยแล้วก็ได้ราวๆ เดือนละ 5,000 บาท

        

หลังจากทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟได้อยู่ปีกว่า พ่อของเธอก็เริ่มป่วยเป็นโรคตับแข็ง ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง จนต้องเลิกทำนาแล้วหันไปขายของแทน ทำให้เธอต้องหาทางสร้างรายได้ให้มากขึ้นเพื่อมาจุนเจือครอบครัว จึงตัดสินใจทำงานเป็นสาวเชียร์เบียร์ในวัยเพียง 18 ปี และถึงแม้ว่ามีคนรอบข้างมองเธอในแง่ลบจากภาพลักษณ์ที่ดูเป็นผู้หญิงกลางคืน เธอก็ไม่สนใจ กัดฟันสู้ทำงานต่อไป ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้างเธอ เพราะแม้จะหาเงินมาได้ ก็ไม่อาจยื้อชีวิตของพ่อเธอ และหลังจากสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต สุภัทรา ก็กลายเป็นเสาหลักของครอบครัว คอยดูแลแม่กับน้อง แต่ก็ยังไม่ละทิ้งการเรียนควบคู่ไปกับทำงานเป็นสาวเชียร์เบียร์เช่นเคย จนเรียนจบปวส.ในวัย 22 ปี พร้อมเงินเก็บกว่า 50,000 บาท

         

เป้าหมายเดียวในชีวิตของเธอ คือ การเป็นเจ้าของกิจการ และจะไม่ไปสมัครทำงานบริษัทอย่างเด็ดขาด เธอนำเงินเก็บไปหุ้นกับแฟนเพื่อเปิดร้านอาหารที่โคราช ซึ่งเป็นร้านที่แฟนของเธอทำงานอยู่ แต่มันก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้ เปิดได้ปีกว่าก็เจ๊ง!! “แม้ธุรกิจแรกจะไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะมองว่ามันเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่สอนเราหลายๆ อย่าง มันสร้างบทเรียนขึ้นมาเพื่อให้เราไปต่อยอดกับสิ่งใหม่ๆ” สุภัทรากล่าว

           

จากนั้นสุภัทรา ได้แต่งงานกับแฟน พร้อมกับเดินหน้ามองหาธุรกิจใหม่ต่อไป จนได้มาเลือกเปิดร้านชาบูอินดี้ ที่โคราชเมื่อกว่า 6 ปีที่แล้ว โดยสาเหตุที่เลือกทำร้านชาบู มาจากการที่สมัยเรียนได้ไปกินชาบูที่ห้างฯ ก็เห็นว่ามันเป็นอาหารที่ทำง่ายกินง่าย กอปรช่วงนั้นที่โคราช ร้านหมูกระทะกำลังบูม เธอจึงอยากจะสร้างความแตกต่างให้ตลาดแต่ยังคงอยู่ในประเภทร้านบุฟเฟต์เช่นเดียวกัน โดยก่อนเปิดร้านได้ลองทำชาบูให้แฟนกิน ลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจะลงตัว “วันแรกที่เปิดร้าน ขายได้ 500 บาท เพราะคนที่นั่นไม่รู้จักว่า ชาบูคืออะไร ซึ่งกว่าร้านจะเป็นที่รู้จักต้องใช้เวลาอยู่นาน ตอนนั้นก็อาศัยเรียนรู้จากลูกค้าด้วยว่า เขาชอบน้ำจิ้มแบบไหน น้ำซุปแบบไหน เนื้อแบบไหน แล้วนำเอาคำติชมเหล่านั้นมาปรับปรุงสูตรของร้าน และอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้ร้านได้เติบโตได้มากที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ แทนที่จะขาย 99 บาท โดยใช้วัตถุดิบที่ต้นทุนไม่แพง ก็เปลี่ยนมาใช้ของคุณภาพเหมาะสมกับราคาที่สูงขึ้น มีการจัดจานให้สวยงามก่อนเสิร์ฟ สร้างให้เป็นร้านบุฟเฟต์ที่มีพนักงานบริการ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินไปไหน ต่างจากร้านทั่วไปที่ต้องลุกไปตักเองที่บาร์” สุภัทรา กล่าวเสริม

          

นอกจากการปรับโมเดลธุรกิจด้านการบริการแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ร้านชาบูอินดี้ เป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้า คือ เรื่องของน้ำซุปและน้ำจิ้ม ที่มีรสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย มีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งน้ำซุปญี่ปุ่น น้ำซุปเกาหลี น้ำจิ้มซีฟูดส์ น้ำจิ้มสุกี้ เป็นต้น อีกส่วนก็มาจากการตั้งราคาที่เข้าถึงง่าย อย่างในต่างจังหวัด199 บาท กรุงเทพฯ 259 บาท แถมยังรับประทานได้ไม่จำกัดเวลา

             

เมื่อรูปแบบร้านลงตัวแล้ว แล้วเป็นที่พอใจของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็มีการบอกต่อผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คมากมาย จนทำให้ร้านเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบัน “ชาบูอินดี้” ขยายสาขากว่า 170 แห่งทั่วประเทศ มียอดขายเดือนละ 1 ล้านบาทต่อสาขา มีมูลค่าธุรกิจรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ในอนาคตก็จะยังคงไม่หยุดยั้งการพัฒนาการบริการและอาหารต่อไป สำหรับคนที่มีเป้าหมายในชีวิต อยากจะให้ลงมือทำทันทีเลย อะไรที่กังวลอยู่ก็พยายามตัดมันออกไป แล้วไปลงมือทำ ทำให้มันเหนื่อย ทำให้มันสุดความสามารถ เพราะชีวิตมันไม่มีทางตันแน่นอน ถ้าเราตั้งใจและเรียนรู้ไปกับมัน ก็จะเจอทางออกเสมอ แล้วสักวันก็จะประสบความสำเร็จ”  สุภัทรา กล่าวทิ้งทาย