ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

เจาะเทรนด์ธุรกิจ! เมื่อคนรุ่นใหม่สนใจเปิด “ร้านกาแฟ” ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไปดู


หากจะเอ่ยถามถึงธุรกิจในฝันของคนรุ่นใหม่ว่ามีอะไรบ้าง หนึ่งในนั้นจะต้องมี “เปิดร้านกาแฟสด” เล็กๆ อยู่ในนั้นแน่ เพราะด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดของคนรุ่นนี้ที่มีความเป็นอิสระ และอยากจะมีร้านที่ตกแต่งตามสไตล์ที่ต้องการ ยิ่งในยุคเฟื่องฟูของโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดการสร้างการรับรู้อย่างแพร่หลาย

ตลาดกาแฟ โดยเฉพาะกาแฟสดยังมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลัก ๆ มาจากอัตราการบริโภคกาแฟสดของคนไทยที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศ คือ มีอัตราการบริโภคโดยเฉลี่ยประมาณ 1.2 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ต่ำกว่าคนในยุโรปที่ตัวเลขอัตราการบริโภคอยู่ที่ประมาณ 4-5 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ขณะที่คนในประเทศญี่ปุ่นมีการบริโภคกาแฟอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลกรัมต่อคนต่อปี จากตัวเลขนี้สะท้อนว่าตลาดกาแฟสดยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้มาก และอาจจะมีตัวเลขถึงปีละ 10% แน่นอนว่าการแข่งขันยังดุเดือดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เพราะมีคู่แข่งจำนวนมาก
โอกาสตลาดกาแฟในประเทศไทย

ในปี 2563 มีอัตราการบริโภคกาแฟของคนไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 300 แก้วต่อคนต่อปี ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง ญี่ปุ่น ที่บริโภคประมาณ 400 แก้วต่อคนต่อปี หรือทางฝั่งยุโรปที่บริโภคประมาณ 600 แก้วต่อคนต่อปี นั่นหมายถึงโอกาสของอุตสาหกรรมกาแฟไทยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปได้ ที่สำคัญภาครัฐและเอกชนยังได้ร่วมมือพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไทย ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ พร้อมผลักดันขึ้นเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ หลังการเติบโตของตลาดกาแฟไทยแตะ 30,000 ล้านบาท

ในปี 2562 ที่ผ่านมามีการคาดการณ์กันว่ามูลค่าธุรกิจร้านกาแฟอาจสูงถึง 2.58 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลจากศูนย์อัจฉริยะ เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร) ด้วยมูลค่าตลาดกาแฟที่สูงถึงหมื่นล้านบาท อาจจะเป็นสาเหตุให้นักลงทุนหันมาจับธุรกิจนี้มากขึ้น ส่งผลให้แบรนด์กาแฟทั้งจากต่างประเทศและโลคอลแบรนด์ ตบเท้าเข้ามาในตลาด และมีร้านกาแฟ หรือคาเฟ่กระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมของเมือง ทั้งในสถานีบริการน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า ร้านกาแฟรูปแบบ Stand alone หรือกระทั่งร้านกาแฟรถเข็น ทั้งนี้ หากหลายภาคส่วนให้การสนับสนุนธุรกิจผลิตกาแฟอย่างจริงจัง บางทีกาแฟไทยอาจกลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ให้คุณค่าแก่สังคมได้ไม่ยาก

คนรุ่นใหม่จะวางแผนอย่างไร

จากบทวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย “ธุรกิจร้านกาแฟ บริหารอย่างไรให้รุ่ง” ได้เผยถึงเคล็ดลับสำหรับการลงทุนเปิดร้านกาแฟเพื่อให้ประสบความสำเร็จ โดยแนะนำ 5 ข้อควรรู้ ที่ผู้ประกอบการ SME รุ่นใหม่ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้

1.เตรียมพร้อมเรื่องการเงิน

เนื่องจากการลงทุนในธุรกิจนี้ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง และมีระยะเวลาคืนทุนนาน ผู้ประกอบการควรเตรียมความพร้อมทางด้านการเงิน อาจเลือกใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ เช่น เงินสะสมที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในยามปกติ และสามารถนำไปลงทุนในระยะยาวได้ หรือพิจารณาใช้เงินสะสมร่วมกับแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน

2.บริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์

ด้วยต้นทุนคงที่ที่อาจจะสูงถึง 60% ของต้นทุนรวม เช่น ค่าเช่าที่ที่มีราคาสูงในย่านธุรกิจหรือห้างสรรพสินค้า ดังนั้นผู้ประกอบการควรบริหารทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น เปิดร้านในพื้นที่ที่อยู่อาศัยของตนเอง หรือหากมีความจำเป็นต้องเช่าพื้นที่ อาจจะมีการแบ่งพื้นที่การใช้งานและปล่อยเช่าให้กับผู้อื่น

3.ควบคุมอัตรากำไรส่วนเกินให้ดี

เพื่อให้เกิดกำไรสุทธิสูงสุด ผู้ประกอบการควรควบคุมอัตรากำไรส่วนเกินให้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 60-70% ผ่านการควบคุมต้นทุนแปรผันและราคาขายในผลิตภัณฑ์หลัก รวมถึงการเพิ่มรายได้ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอัตรากำไรส่วนเกินที่สูง เช่น อาหาร ขนม เครื่องดื่มทางเลือก เมล็ดกาแฟสำเร็จรูป อุปกรณ์การการชงกาแฟ เป็นต้น

4.วิเคราะห์ความต้องการลูกค้าเชิงลึก

วิเคราะห์ถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในเชิงลึก ยิ่งในภาวะที่การแข่งขันสูง จึงจำเป็นต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงคุณค่าที่จะได้รับ ผ่านการสร้างเอกลักษณ์ในสินค้าและบริการ โดยผู้ประกอบการอาจจะต้องสังเกตและติดตามเทรนด์และแนวโน้มของตลาด เพื่อที่จะสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้กับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

5.เพิ่มการประชาสัมพันธ์ช่องทางใหม่

เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ควรเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าหน้าใหม่ รวมถึงดึงดูดลูกค้ากลุ่มเดิมให้เข้ามาใช้บริการอีก เนื่องจากรายได้ของร้านกาแฟมักมาจากลูกค้าประจำที่กลับมาซื้อซ้ำในแต่ละวัน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรเสนอโปรโมชั่นต่างๆ แทนการลดราคา เพราะการลดราคาอาจนำไปสู่สงครามราคาที่จะก่อให้เกิดผลเสียกับผู้ประกอบการเอง