อยากมีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากอะไรดี? วันนี้ ชี้ช่องรวย ขอพาไปดูหนึ่งในธุรกิจทำง่าย ขายคล่อง และลงทุนน้อย นั่นคือ “ร้านส้มตำ” ไม่ว่าจะอยู่หน้าบ้าน ตลาดนัด หรือข้างถนน ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจยอดนิยมที่สร้างรายได้ดีแบบไม่ต้องใช้เงินทุนหลักแสน ขอแค่มีฝีมือในการปรุงส้มตำให้รสเด็ด กลิ่นหอม แซ่บโดนใจ บวกกับการบริหารจัดการวัตถุดิบให้ดี ก็สามารถเริ่มต้นได้เลย

หลายคนอาจคิดว่าเปิดร้านต้องใช้ทุนเยอะ แต่ความจริงแล้ว คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยงบประมาณเพียง หลักหมื่นต้น ๆ เท่านั้น!
อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมี
- เคาน์เตอร์ / รถเข็น 3,000 – 5,000 บาท
- เตาแก๊ส + ถังแก๊ส 4,500 บาท
- ครกและสาก (2 ชุด) 300 – 800 บาท/ชุด
- หม้อ, กระทะ, ซึ้งนึ่ง 500 – 800 บาท
- ตะหลิว, ทัพพี, ช้อนตัก 200 – 300 บาท
- ถาดสเตนเลส / อ่างล้างผัก 200 – 300 บาท
- มีด + เขียง 200 – 400 บาท
- กล่องเก็บของวัตถุดิบ 300 – 500 บาท
- โต๊ะ – เก้าอี้ลูกค้า (4 ชุด) 3,000 – 5,000 บาท
- ตู้เย็น / ตู้แช่ (มือสองก็ได้) 5,000 – 10,000 บาท
- ป้ายร้าน / เมนู / อุปกรณ์ตกแต่ง 500 – 1,000 บาท
รวมงบประมาณอุปกรณ์ 10,000 – 20,000 บาท

วัตถุดิบ (ของสดและเครื่องปรุงสำหรับขาย 2-3 วัน)
- มะละกอ (5 กก.) 150 – 200 บาท
- มะเขือเทศ, ถั่วฝักยาว, พริก, กระเทียม 300 – 500 บาท
- น้ำปลา, น้ำตาลปี๊บ, น้ำมะนาว, ปลาร้า 300 – 500 บาท
- ปูดอง, กุ้งแห้ง, ไข่เค็ม ฯลฯ 400 – 600 บาท
- หมู / ไก่ (สำหรับย่าง/ทอด) 500 – 800 บาท
- ข้าวเหนียว (5 กก.) 150 – 200 บาท
- เส้นขนมจีน 100 – 200 บาท
- ผักสดทานคู่ (ผักบุ้ง, กะหล่ำปลี, ผักชีลาว ฯลฯ) 200 – 300 บาท
- น้ำดื่ม, น้ำแข็ง, น้ำอัดลม 300 – 400 บาท
- ถุงใส่อาหาร, กล่องโฟม, ช้อน-ส้อมพลาสติก 200 – 400 บาท
รวมต้นทุนวัตถุดิบเบื้องต้น 2,000 – 4,000 บาท

เมนูแนะนำสำหรับร้านส้มตำเริ่มต้น
- ส้มตำไทย / ปู / ปลาร้า / ตำซั่ว
- คอหมูย่าง
- ไก่ย่าง
- ลาบ / น้ำตก
- ข้าวเหนียว
- ขนมจีน
- เครื่องดื่ม (น้ำเปล่า, น้ำอัดลม, น้ำสมุนไพร)

เทคนิคการขายส้มตำให้ขายดี มีกำไร
ธุรกิจร้านส้มตำ เป็นหนึ่งในธุรกิจอาหารที่เริ่มต้นได้ง่าย ใช้ทุนไม่สูง แต่ก็มีการแข่งขันค่อนข้างมาก การมี “รสมืออร่อย” เพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ วันนี้เรามาดูกันว่า ถ้าจะทำร้านส้มตำให้ ขายดีแบบยั่งยืน ต้องมีเทคนิคการขายอย่างไรบ้าง
- หน้าร้านต้องดึงดูดใจลูกค้า
- ตกแต่งร้านให้น่ารัก หรือสะอาดสะอ้าน ไม่ต้องลงทุนสูง แค่ใช้ผ้าปูโต๊ะสวย ๆ ป้ายเมนูอ่านง่าย และการจัดวางวัตถุดิบให้ดูสดใหม่ ก็ช่วยให้ร้านดูน่าเข้า
- แสงสว่างต้องพอ โดยเฉพาะถ้าขายตอนเย็นหรือกลางคืน ให้ร้านดูปลอดภัยและไม่อับทึบ
- โชว์วัตถุดิบเด่น ๆ เช่น กองมะละกอ มะนาวสด หรือผักสดในตะกร้า สื่อถึงความสด สะอาด ลูกค้าเห็นแล้วมั่นใจ
- เมนูน่าสนใจ แตกต่าง และมีลูกเล่น
- มีเมนูเด็ดประจำร้าน เช่น “ตำปูปลาร้าหมูย่าง” หรือ “ตำมาม่าหมูกรอบ” เพื่อให้ลูกค้าจำได้ว่า ร้านคุณมีจุดเด่นอะไร
- ตั้งชื่อเมนูให้แซ่บและจำง่าย เช่น “ตำลาวไฟลุก”, “ตำข้าวโพดแซ่บทะลุใจ”
- จัดชุดเมนูราคาประหยัด เช่น “ชุดข้าวเหนียว + ส้มตำ + หมูย่าง 59 บาท” เพื่อจูงใจคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา
- เพิ่มท็อปปิ้ง เช่น ไข่แดงเค็ม, หมูยอ, แคบหมู ฯลฯ เพิ่่มรายได้ต่อจานโดยไม่เพิ่มต้นทุนมาก
- บริการต้องโดนใจ สร้างความผูกพัน
- จำลูกค้าประจำได้ ทักทายด้วยชื่อ รู้ว่าใครชอบรสไหน เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ
- ใส่ใจรายละเอียด เช่น “ตำไม่เผ็ด ไม่ใส่กระเทียม” จำได้ก็แปลว่าคุณใส่ใจจริง
- พูดดี ยิ้มง่าย บริการด้วยใจ เหมือนเพื่อนกับเพื่อน ลูกค้าจะบอกต่อให้โดยไม่ต้องจ้างรีวิว
4.ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์
- ไลฟ์สดตำส้มตำโชว์ บรรยากาศสนุก ลูกค้าเห็นกระบวนการทำ จะยิ่งหิวและสั่งมากขึ้น
- โพสต์เมนูประจำวัน / โปรโมชั่น เป็นประจำ เช่น “วันนี้มีตำหอยนางรมสดจ้าาา~”
- รีวิวลูกค้า = สร้างความน่าเชื่อถือ ขอให้ลูกค้าถ่ายรูปแท็กร้าน แล้วให้ส่วนลดหรือเครื่องดื่มฟรีเล็กน้อย
- โปรโมชันเล็ก ๆ ที่กระตุ้นยอดขาย
- เปิดร้านใหม่ แจกส้มตำฟรี 20 จานแรก
- สะสมแสตมป์ ครบ 10 จาน ฟรี 1 จาน
- ซื้อครบ 100 บาท แถมน้ำสมุนไพร
- ลดราคาเฉพาะช่วงเย็น เช่น 17.00 – 18.00 “ตำไทยเพียง 30 บาท”
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือเคยเปิดร้านอาหารมาก่อน การขายส้มตำให้ขายดี ไม่ได้มีแค่เรื่องรสชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึง “หน้าร้าน เมนู การบริการ และการตลาด” ที่ต้องผสมผสานกันอย่างลงตัว หากคุณใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ร้านส้มตำของคุณจะไม่ใช่แค่ร้านอาหารธรรมดา แต่จะกลายเป็น “ร้านประจำ” ในใจของลูกค้าอย่างแน่นอน
อ่านบทความสร้างอาชีพอื่น ๆ คลิก