ในยุคที่ผู้คนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ร้านขายยา กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความต้องการสูง และมีบทบาทสำคัญในชุมชน ไม่เพียงแต่จำหน่ายยาและเวชภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งให้คำปรึกษาด้านสุขภาพเบื้องต้นโดยเภสัชกรวิชาชีพอีกด้วย
วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาแนะนำอาชีพนี้ให้กับคนที่สนใจ ได้ทราบว่าจะต้องต้องทำอย่างไรบ้าง โดยการเปิดร้านขายยาไม่ใช่เพียงแค่การ “มีของขาย” แต่ต้องอาศัยความรู้ กฎหมาย และมาตรฐานวิชาชีพอย่างรัดกุม ตั้งแต่การเตรียมอุปกรณ์ การจัดหายาที่เหมาะสม การขอใบอนุญาตที่ถูกต้อง ไปจนถึงการจ้างเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญประจำร้าน

สิ่งที่ต้องมีในการเปิดร้านขายยา
1.เภสัชกรประจำร้าน ต้องมี เภสัชกรที่ได้รับใบประกอบวิชาชีพ ปฏิบัติงานตลอดเวลาที่เปิดร้าน หากคุณไม่ใช่เภสัชกร ต้องจ้างเภสัชกรที่มีใบอนุญาตประจำร้าน
2.ใบอนุญาต ต้องขอใบอนุญาตจากหน่วยงานราชการ
- ใบอนุญาตขายยา (ข.ย.) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- ใบอนุญาตสถานที่ขายยา จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
- จดทะเบียนพาณิชย์ และขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจทั่วไปกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

3.สถานที่
- ต้องเป็นสถานที่ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดร้านขายยา (ไม่ใช่ห้องแถวในบางพื้นที่ที่ห้าม)
- ต้องมีพื้นที่สำหรับวางยา, ห้องเก็บยา, ห้องให้คำปรึกษา (ในบางกรณี)
- ต้องสะอาด มีระบบระบายอากาศ และมีการควบคุมอุณหภูมิ

อุปกรณ์ที่จำเป็นในร้านขายยา
1.อุปกรณ์เกี่ยวกับยา
- ชั้นวางยา สำหรับจัดวางยาตามหมวดหมู่
- ตู้ยา (บางชนิดมีล็อก) สำหรับเก็บยาควบคุมหรือยาอันตราย
- ตู้แช่ยา (Refrigerator) สำหรับเก็บยาที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น วัคซีน หรือยาฉีดบางชนิด
- ตะกร้า/กล่องใส่ยาแยกประเภท เพื่อความเป็นระเบียบ
- ภาชนะบรรจุยา เช่น ขวดยาน้ำ, ถุงยา, ซองแบ่งยา
- อุปกรณ์สำนักงานและระบบจัดการ
- คอมพิวเตอร์ สำหรับจัดการสต๊อกยาและระบบขาย
- โปรแกรม POS (Point of Sale) ระบบขายหน้าร้าน พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลลูกค้าและประวัติการซื้อยา
- เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ / เครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์ยา
- เครื่องอ่านบาร์โค้ด เพื่อความเร็วในการขาย
- โทรศัพท์/มือถือ/อินเทอร์เน็ต สำหรับติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายยา
- อุปกรณ์เพื่อการให้บริการลูกค้า
- โต๊ะให้คำปรึกษา/พื้นที่ส่วนตัว สำหรับการให้คำแนะนำโดยเภสัชกร
- เก้าอี้/ม้านั่ง สำหรับลูกค้านั่งรอ
- เครื่องวัดความดันโลหิต (อัตโนมัติหรือแมนนวล)
- เครื่องชั่งน้ำหนัก / วัดส่วนสูง (ถ้ามีบริการสุขภาพเบื้องต้น)
- อุปกรณ์ตรวจเบาหวาน (เจาะปลายนิ้ว) (ถ้ารับบริการนี้)
- ป้าย และเอกสาร
- ป้ายชื่อร้านและป้ายเภสัชกรประจำร้าน (ตามข้อบังคับ)
- ใบอนุญาตแสดงหน้าร้าน เช่น ใบขออนุญาตขายยา, ใบประกอบวิชาชีพ
- แผ่นพับ/โบรชัวร์สุขภาพ เสริมภาพลักษณ์วิชาชีพ
- ระบบความปลอดภัย
- กล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อความปลอดภัย และอาจเป็นข้อบังคับในบางพื้นที่
- เครื่องดับเพลิง
- อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น

ชนิดของยาที่ควรมีในร้านขายยา
1.ยาสามัญประจำบ้าน (OTC – Over the Counter) จำหน่ายได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ชนิดของยามีดังนี้
- พาราเซตามอล แก้ปวด ลดไข้
- ไอบูโพรเฟน แก้ปวด ลดการอักเสบ
- แอนตาซิล / ไซเมทิโคน แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- คลอร์เฟนิรามีน แก้แพ้ คัดจมูก
- ลอราทาดีน / ซีทิริซีน แก้แพ้ชนิดไม่ง่วง
- ยาแก้ไอ/ละลายเสมหะ เช่น ไบรโอนิล, แอมบรอกซอล
- ยาธาตุน้ำขาว, มะขามแขก ยาระบาย, แก้ท้องผูก
- เกลือแร่ ORS แก้ท้องเสีย เสียน้ำ
- ยาอม/สเปรย์ฆ่าเชื้อคอ
2.ยาใช้ภายนอก
- เบตาดีน / โพวิโดนไอโอดีน ยาฆ่าเชื้อ
- แอลกอฮอล์ / เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อโรค
- ยาทาแก้ปวดข้อ/กล้ามเนื้อ เช่น โวลทาเรนเจล, ยาหม่อง
- คาลาไมน์โลชั่น – แก้ผื่นคัน
- ครีมรักษาสิว / เชื้อรา / ผิวหนังอักเสบ เช่น คีโตโคนาโซล, คาลาไมน์, โคลไตรมาโซล
3.เวชภัณฑ์และอุปกรณ์เบื้องต้น
- สำลี / ผ้าก๊อซ / พลาสเตอร์
- หน้ากากอนามัย / ถุงมือยาง
- ปรอทวัดไข้ / เครื่องวัดความดัน / ที่เจาะเลือด
- ถุงน้ำร้อน / ถุงประคบเย็น
- ชุดตรวจ ATK, น้ำเกลือล้างจมูก
4.ยาสามัญแผนปัจจุบัน (ยาควบคุม) ต้องมีเภสัชกรพิจารณาจ่าย และอธิบายวิธีใช้ให้เหมาะสม ชนิดของยามีดังนี้
- ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs เช่น ไดโคลฟีแนค, นาโพรเซน
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เช่น อะม็อกซีซิลลิน, อะซิโทรมัยซิน (ขายได้เมื่อมีเหตุผล/อาการเหมาะสม)
- ยากลุ่มแอนตี้ฮิสตามีน – เช่น ไฮดรอกไซซีน
- ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน – เช่น เมโทโคลพราไมด์
- อาหารเสริม / ยาสมุนไพร
- วิตามิน C / วิตามิน B รวม / แคลเซียม
- น้ำมันปลา / คอลลาเจน
- สมุนไพร: ฟ้าทะลายโจร, ขมิ้นชัน, ยาธาตุบรรเทาอาการทางเดินอาหาร
หมายเหตุ : จำนวนรายการยา ที่ควรมีเริ่มต้น: 100 – 200 รายการ (รวมเวชภัณฑ์)
การจัดสต็อก ต้องพิจารณาให้ครอบคลุมระบบอวัยวะต่าง ๆ เช่น ยาแก้ปวด, ทางเดินอาหาร, ระบบหายใจ, ผิวหนัง, ระบบขับถ่าย ฯลฯ ยาทุกตัวต้อง มีฉลากถูกต้อง, ไม่หมดอายุ, และ จัดเก็บตามข้อกำหนดของ อย.

งบลงทุนโดยประมาณ แจกแจงได้ดังนี้
- ค่าตกแต่งร้าน 100,000 – 300,000 บาท
- ค่าชั้นวาง + อุปกรณ์ 50,000 – 150,000 บาท
- ค่ายาและเวชภัณฑ์เบื้องต้น 150,000 – 500,000 บาท
- ค่าจ้างเภสัชกร (ถ้าจ้าง) 30,000 – 50,000 / เดือน บาท
- ค่าขอใบอนุญาต 5,000 – 10,000 บาท
- ค่าระบบ POS/Software 10,000 – 30,000 บาท
รวมเบื้องต้น 350,000 – 1,000,000+ บาท
หมายเหตุ: ถ้าเปิดในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือห้างสรรพสินค้า งบลงทุนอาจสูงขึ้น
อ่านบทความสร้างอาชีพอื่น ๆ คลิก