ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน
สินเชื่อ

ชี้ช่องรวย แนะ 5 สาเหตุ ขอสินเชื่อไม่ผ่าน และ 5 เทคนิคขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย By Krungsri

เชื่อว่าหลายคนหรือผู้ประกอบการรายเล็กสวนใหญ่มักเจอกับปัญหาการขอสินเชื่อไม่ผ่าน แต่ไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุอะไร เพราะบางครั้งทางสถาบันการเงินก็ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่ผ่าน วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาบอกให้ทราบถึงเหตุผลส่วนใหญ่ว่าเป็นเพราะอะไร และจะต้องทำอย่างไรถึงจะกูเงินได้แบบผ่ายฉลุย โดยเทคนิคนี้มาจาก ธนาคารกรุงศรี เรามาดูกันเลยว่ามีวีการอย่างไรบ้าง

สินเชื่อ

1. มีปัญหาด้านเครดิต

  • ประวัติการชำระหนี้ไม่ดี : การมีประวัติการชำระหนี้ไม่ตรงเวลา หรือผิดนัดชำระหนี้บ่อยครั้งจะเป็นเหมือนรอยด่างพร้อยในประวัติทางการเงินของผู้กู้ เพราะข้อมูลเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ในเครดิตบูโร (ศูนย์กลางทำหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลบัญชี และประวัติการชำระเงินทุกประเภทที่ส่งมาจากสถาบันการเงิน) เมื่อสถาบันการเงินตรวจสอบประวัติทางการเงินของผู้กู้จากเครดิตบูโร ก็จะเห็นถึงความไม่น่าไว้วางใจในการชำระหนี้ ทำให้ยากต่อการอนุมัติ
  • เป็นบัญชีหนี้เสีย : หรือเคยมีการค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน เป็นสัญญาณร้ายแรงสำหรับผู้กู้ว่ามีการสร้างหนี้เสีย เพราะเมื่อมีประวัติการค้างชำระหนี้นานเกิน 3 เดือน ข้อมูลนี้จะถูกบันทึกไว้ในรายงานเครดิตบูโรเป็นระยะเวลารวม 8 ปี (5 ปีที่ส่งรายงานหนี้เสีย + 3 ปีที่ลบข้อมูลเครดิตบูโร) และส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผู้กู้ เพราะสถาบันการเงินจะมองว่าผู้กู้มีความเสี่ยงสูงในการผิดนัดชำระหนี้ จึงไม่กล้าปล่อยกู้ให้

2. มีปัญหาด้านรายได้และอาชีพ

  • รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ : รายได้เป็นปัจจัยสำคัญที่สถาบันการเงินใช้ในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ หากรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่สถาบันการเงินกำหนดสถาบันการเงินอาจจะพิจารณาว่า ผู้กู้มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามกำหนด ดังนั้น การมีรายได้ที่มั่นคง และเพียงพอกับภาระหนี้สิน จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขอกู้ให้ผ่าน
  • อาชีพที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ : สำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรืออาชีพที่รายได้ไม่แน่นอนเช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์, ฟรีแลนซ์, หรืออินฟลูเอนเซอร์ อาจเป็นเรื่องท้าทายในการขอกู้ให้ผ่าน เนื่องจากสถาบันการเงินมักจะให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางรายได้ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสะท้อนความสามารถในการชำระหนี้ ผู้ที่ประกอบอาชีพดังกล่าว จะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือหลักฐานการเสียภาษี เพื่อยืนยันแหล่งที่มาของรายได้
  • อายุงานน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด : หากผู้กู้เพิ่งเริ่มทำงาน หรือมีอายุงานน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เช่น บางสถาบันการเงินอาจกำหนดว่าผู้กู้ต้องมีอายุงานอย่างน้อย 6 เดือน หรือ1 ปี จึงจะมีสิทธิ์ขอสินเชื่อได้

ดังนั้น หากอายุงานไม่ผ่านเกณฑ์ คำขอกู้อาจจะถูกปฏิเสธได้ เพราะสถาบันการเงินอาจมองว่ายังไม่มีความมั่นคงในหน้าที่การงานที่มากพอ และมีความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนงานหรือตกงานซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต

3. ภาระหนี้สินเดิมสูงเกินกว่าที่สถาบันการเงินกำหนด

โดยปกติสถาบันการเงินจะต้องพิจารณาถึงภาระหนี้สินที่มีอยู่ในปัจจุบันของผู้กู้ด้วย โดยส่วนใหญ่จะดูจากอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (Debt Service Ratio) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่ามีรายได้เพียงพอต่อการผ่อนชำระหนี้สินหรือไม่

4. เอกสารไม่ครบถ้วนหรือข้อมูลไม่ถูกต้อง

เอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ประกอบในการยื่นกู้ ต้องเตรียมให้ครบถ้วนและถูกต้อง เช่น สลิปเงินเดือน หรือรายการเดินบัญชีธนาคาร เพื่อให้สถาบันการเงิน ตรวจสอบรายได้ และความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ ดังนั้น หากขาดเอกสารเหล่านี้ หรือมีข้อมูลที่ไม่ตรงตามที่เงื่อนไขของสถาบันการเงินที่ได้แจ้งไว้ การขอสินเชื่อก็อาจถูกปฏิเสธได้

5. มีปัญหาด้านอื่น ๆ

  • ผู้ค้ำประกันมีประวัติการเงินไม่ดี : ถ้า Loan ที่ยื่นกู้นั้น ต้องใช้ผู้ค้ำประกันร่วมพิจารณาด้วยแต่ผู้ค้ำประกันมีประวัติการเงินไม่ดี ก็จะส่งผลต่อการขอสินเชื่อได้
  • มีคดีความเกี่ยวกับการเงิน : หากมีคดีความทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรืออยู่ระหว่างการฟ้องล้มละลาย ก็อาจทำให้ขอกู้ไม่ผ่านได้

5 วิธีขอกู้ให้ผ่าน เคล็ดไม่ลับจาก Krungsri The COACH

สินเชื่อ

1. จ่ายหนี้ตรงเวลา

การจ่ายหนี้ที่มีอยู่ให้ตรงเวลา ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนชำระบัตรเครดิต ค่าผ่อนรถ หรือหนี้อื่น ๆ เป็นเสมือนการสร้าง “เกราะป้องกัน” ให้กับเครดิตของผู้กู้ เพราะทุกการชำระหนี้ที่ตรงเวลาจะถูกบันทึกไว้ในประวัติเครดิต ซึ่งเป็นสิ่งที่สถาบันการเงินใช้ในการประเมินความน่าเชื่อถือของผู้กู้หากมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี สม่ำเสมอ และไม่มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินว่าเราเป็นคนมีวินัยทางการเงิน มีความรับผิดชอบ และสามารถจัดการภาระหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพิจารณาอนุมัติ Loan ในอนาคต

2. เลือกให้เหมาะสม

Loan มีหลายประเภท หนึ่งในวิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน ก็คือเลือกให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ในการใช้เงิน เพราะหากเลือก Loan ที่ไม่ตรงกับความต้องการ หรือมีเงื่อนไขที่ไม่สอดคล้องกับสถานะทางการเงิน ก็อาจทำให้เกิดปัญหาในการผ่อนชำระตามมาได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจขอกู้ใดๆ ควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลาย ๆ สถาบันการเงิน เพื่อให้ตอบโจทย์และช่วยให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

3. ประเมินความสามารถในการผ่อน

ก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกของการกู้ธนาคาร การสำรวจตัวเองว่ามีความสามารถในการผ่อนชำระได้เท่าไรในแต่ละเดือนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการกู้ยืมเกินตัวอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สินที่ยากจะแก้ไขในอนาคต Krungsri The COACH แนะนำให้ใช้เครื่องมือคำนวณ ซึ่งจะช่วยประเมินความสามารถในการผ่อนชำระได้ และช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าวงเงินกู้ที่เหมาะสมกับผู้กู้คือเท่าไร เพื่อให้สามารถผ่อนชำระได้อย่างสบายใจ ไม่เป็นภาระหนักจนเกินไป

4. อย่าเป็นหนี้เกินตัว

การเป็นหนี้ก็เหมือนการแบกน้ำหนัก หากแบกมากเกินไปก็อาจทำให้เราล้มลงได้ง่าย ๆ เช่นเดียวกัน การมีภาระหนี้สินที่สูงเกินไป อาจทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ในอนาคต ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจกู้ยืมเงิน ควรประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเองให้ดี โดยทั่วไปแล้ว ภาระหนี้ทั้งหมดไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เพื่อให้ยังมีเงินเหลือพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และมีเงินสำรองไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

5. เตรียมเอกสารให้ครบ

ส่วนสำคัญที่สุดในการขอกู้กับธนาคาร คือการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง เป็นเหมือนการเตรียมตัวสอบ หากมีการเตรียมตัวมาดี ก็มีโอกาสสอบผ่านสูงเช่นเดียวกัน การขอกู้ก็ต้องมีการเตรียมเอกสารต่าง ๆ เพื่อให้สถาบันการเงินตรวจสอบข้อมูลและประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ดังนั้น ก่อนยื่นขอกู้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เตรียมเอกสารทุกอย่างครบถ้วนตามที่สถาบันการเงินกำหนด และข้อมูลในเอกสารถูกต้องตรงกันหรือไม่ เพื่อป้องกันความล่าช้าในการดำเนินการ และช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ

สินเชื่อ


อ่านบทความ Hoe to อื่น ๆ คลิก