ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

ชี้ช่องรวย แนะ 7 เทคนิคการขอสินเชื่อทำอย่างไรให้ผ่านฉลุย อนุมัติไว จากธนาคารกสิกรไทย

เชื่อว่าหลายคนคงได้รับข่าวสารหรือเจอกับตัวเองมาอยู่บ้างว่าการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บางรายทำเรื่องอยู่หลายครั้งก็ไม่เคยผ่านเสียที วันนี้ ชี้ช่องรวย มี 7 เทคนิคดีๆ จากธนาคารกสิกรไทยมาแนะนำ เพื่อให้ได้เตรียมตัวกันก่อนทำเรื่องกู้ เพื่อให้กู้ผ่านแบบง่าย ๆ เรามาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1.สร้างเครดิตให้ดีก่อนยื่นสมัคร

ก่อนที่จะขอสินเชื่อให้มีโอกาสผ่าน คุณควรสร้างเครดิตของตัวเองให้ดี ก่อนที่จะไปยื่นสมัครขอสินเชื่อใหม่ โดยวิธีที่จะทำเครดิตให้ดีขึ้นได้นั้น เริ่มต้นที่การสะสางหนี้เก่าให้หมดเสียก่อน เพราะทางธนาคารจะทำการเช็กเครดิตบูโรของคุณเป็นอันดับแรก ว่ามีหนี้ที่ติดบัญชีเครดิตบูโรหรือไม่

โดยจะพิจารณาจากคะแนนในการชำระหนี้คืน ถ้าหากมีประวัติการชำระคืนที่ดี ก็จะมีแนวโน้มให้สินเชื่อใหม่ได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหากคุณเคยจ่ายหนี้ไม่ตรงเวลา หรือจ่ายไม่ครบ คะแนนเครดิตบูโรก็จะต่ำ และถ้าหากว่าคุณเบี้ยวหนี้ ชื่อของคุณจะติดบัญชีดำของเครดิตบูโร ทำให้ไม่สามารถขอสินเชื่อได้อีก

นอกจากนี้ ควรเดินบัญชีให้สม่ำเสมอ มีเงินติดบัญชีบ้าง ไม่ใช่ว่ายอดเข้าเท่าไรก็ใช้จ่ายออกไปหมด หรือถ้าหากเดินบัญชีด้วยเงินสด ก็ควรปรับเปลี่ยนมาเดินบัญชีผ่านการโอนเงินออนไลน์ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือได้อีกทางหนึ่งด้วย

2.เลือกสินเชื่อที่เหมาะกับตัวเอง และวัตถุประสงค์ในการเอาเงินไปใช้

สินเชื่อที่ทางธนาคารปล่อยกู้นั้นมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการ และความเหมาะสมของผู้ขอสินเชื่อ ว่ามีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปใช้จ่ายในกิจการแบบไหน โดยปกติแล้ว สินเชื่อยอดฮิตในปัจจุบันนั้น มีทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อเพื่อการลงทุน สินเชื่อ SME สินเชื่อเงินด่วน Xpress Loan* และ บัตรเงินด่วน Xpress Cash**

ยกตัวอย่างเช่น สินเชื่อบ้านที่ต้องชำระคืนนั้นจะอยู่ที่ 7,000 บาทต่อเงินต้น 1,000,000 บาท ซึ่งมีกำหนดชำระคืนภายในเวลา 30 ปี และสินเชื่อที่ธนาคารจะปล่อยออกมานั้น จะไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ต่อเดือนนั่นเอง ทั้งนี้ รวมค่าโอที และรายได้เสริมที่คุณได้แจ้งกับธนาคารไว้แล้ว หากรู้เช่นนี้แล้ว โอกาสขอสินเชื่อให้ผ่านก็ยิ่งมีโอกาสสูงขึ้นตามไปอีกด้วย

3.เตรียมเอกสารขอสินเชื่อให้ถูกต้องครบถ้วน

การขอสินเชื่อให้มีโอกาสผ่านแบบไม่ต้องยื่นเอกสารหลายรอบนั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณได้เตรียมเอกสารขอสินเชื่อมาได้ครบถ้วน และถูกต้องแล้วหรือไม่ หากเอกสารที่จำเป็นนั้นยื่นมาไม่ครบ โอกาสในการขอสินเชื่อให้ผ่านก็จะลดต่ำลง หรืออาจจะถูกธนาคารปฏิเสธเลยก็เป็นได้ ซึ่งเอกสารที่ต้องเตรียมนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน ดังนี้

บุคคลธรรมดา

หากว่าเป็นบุคคลธรรมดาทั่วๆ ไป ที่ต้องการขอสินเชื่อให้มีโอกาสผ่าน คุณควรเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อม ก่อนที่จะไปยื่นกู้กับธนาคาร โดยเอกสารที่จำเป็นต้องมีนั้น ได้แก่
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ
– สำเนาทะเบียนบ้าน
– สำเนาทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า หรือใบมรณบัตร
– สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
– ใบรับรองเงินเดือน หรือหลักฐานการรับ/จ่ายเงินเดือนจากนายจ้าง
– สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร

ผู้ประกอบการ หรืออาชีพอิสระ

ส่วนใครที่เป็นผู้ประกอบการ หรือทำอาชีพอิสระอยู่ แล้วอยากขอสินเชื่อให้มีโอกาสผ่าน นี่คือเอกสารที่คุณควรเตรียมให้พร้อม ก่อนที่จะไปยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยเอกสารที่จำเป็นต้องเตรียมไปนั้น นอกจากสำเนาทะเบียนการค้า หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลแล้ว ยังประกอบไปด้วยเอกสารดังต่อไปนี้

ผู้มีอาชีพอิสระ

– กรณีเป็นสัญญาจ้าง อาจใช้สำเนาสัญญาว่าจ้าง และหลักฐานการจ่ายเงินค่าจ้าง
– กรณีเป็นแพทย์ ทนายความ ผู้สอบบัญชี วิศวกร สถาปนิก ควรแสดงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพด้วย
– บัญชีเงินฝาก พร้อมใบแจ้งยอดบัญชี หรือสเตตเมนต์ (Statement) ของบัญชีเงินฝากของตัวเอง หรือของกิจการย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
– หลักฐานรายได้ หรือทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ใบหุ้น พันธบัตรรัฐบาล บัญชีเงินฝากธนาคาร

นิติบุคคล

– สำเนางบการเงินปีล่าสุด และย้อนหลังไม่น้อยกว่า 3 ปี
– สำเนาแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี
– สำเนาเอกสารสิทธิในทรัพย์สินที่เสนอเป็นหลักประกัน
– แผนที่แสดงที่ตั้งสถานประกอบการ

4. อย่าขอสินเชื่อบ่อยเกินไป

อีกหนึ่งเทคนิคขอสินเชื่อให้มีโอกาสผ่านฉลุยก็คือ การที่ไม่ไปขอสินเชื่อบ่อยจนเกินไป โดยเราไม่ควรขอสินเชื่อเกิน 1 ครั้งต่อเดือน และควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 เดือนก่อนที่จะไปยื่นขอสินเชื่อครั้งใหม่ด้วย เพราะข้อมูลทางการเงินของคุณที่เก็บไว้ในระบบนั้น จะยังเป็นฐานข้อมูลเดิมอยู่ ถึงยื่นขอไป

ยังไงก็ไม่ผ่านเหมือนเดิม แถมยังเป็นการแสดงท่าทีให้ทางธนาคารคิดว่าคุณกำลังร้อนเงินมาก จึงต้องมายื่นขอสินเชื่อบ่อยๆ นั่นเอง ซึ่งข้อมูลส่วนนี้รวมไปถึงธนาคารทุกแห่งที่คุณไปยื่นกู้เลย เพราะสุดท้ายแล้ว ธนาคารแต่ละแห่งก็จะต้องไปดึงข้อมูลมาจากฐานเครดิตบูโรของคุณอยู่ดี ทางที่ดี ควรใช้เวลาที่ได้มาในการเดินบัญชีให้มีเครดิตที่ดีกว่าเดิม จะเป็นวิธีที่เข้าท่ากว่า

5.ควรมีภาระหนี้เดิมไม่เกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน

เคล็ดลับขอสินเชื่อให้มีโอกาสผ่านฉลุยข้อถัดมาก็คือ ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อใหม่ ให้ดูภาระหนี้เดิมด้วย ว่าหนี้เดิมที่มีอยู่นั้นมีมูลค่าเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือนหรือไม่ เพื่อที่ธนาคารจะได้มั่นใจว่า ผู้กู้จะมีความสามารถมากพอที่จะผ่อนชำระสินเชื่อก้อนใหม่เพิ่มเติมได้ เช่น สินเชื่อ 1,000,000 บาท ควรผ่อนให้ธนาคาร 7,000 บาท

นอกจากนี้ ก่อนที่จะยื่นกู้ ควรคำนวณก่อนด้วยว่าวงเงินสินเชื่อที่ได้มีอยู่เท่าไร มีระยะเวลาในการผ่อนชำระยาวนานแค่ไหน เพื่อที่จะทำให้ทราบว่าในแต่ละเดือนนั้น จะต้องจ่ายค่างวดเป็นจำนวนเท่าไร และคุณมีความสามารถที่จะจ่ายเงินก้อนนั้นได้หรือไม่นั่นเอง แต่ถ้าหากว่าอยากลองคำนวณดูตอนนี้ ลองเข้าไปที่หน้าเว็บของสินเชื่อบุคคลธนาคารกสิกรไทยที่มีโปรแกรมคำนวณสินเชื่อให้ลองคำนวณก่อนตัดสินใจสมัคร จะได้รู้ว่าจะสามารถผ่อนหนี้ก้อนใหม่ได้ไหวหรือไม่

6.หากโดนปฏิเสธ ควรรอ 3 เดือนแล้วค่อยสมัครใหม่

เมื่อถูกปฏิเสธเงินกู้จากที่เดิม จำเป็นต้องรออีก 3 เดือนก่อน จึงจะสมัครไปใหม่ เพราะคะแนนเครดิตบูโรนั้นจะอัปเดตทุก 3 เดือน หากว่าคุณยื่นขอซ้ำเข้าไปก่อน คะแนนที่คำนวณได้ก็ยังเป็นคะแนนเดิม ซึ่งไม่ผ่านการอนุมัติวงเงินกู้ตามเดิม ระหว่างที่รอขอสินเชื่อให้อนุมัติ และคะแนนปรับใหม่ คุณสามารถเดินบัญชีธนาคารของคุณให้น่าเชื่อถือมากกว่าเดิมได้ ด้วยการเพิ่มยอดรายได้ และชำระเงินคงค้างในบัญชีนั่นเอง

7.พิจารณาเกณฑ์ของสถาบันการเงินที่ขอสินเชื่อด้วย

ข้อสุดท้ายในการเตรียมตัวขอสินเชื่อคือ ควรพิจารณาเกณฑ์ของสถาบันทางการเงินที่ไปขอสินเชื่อด้วย เพราะแต่ละธนาคารก็มีนโยบายในการปล่อยกู้ที่ต่างกันออกไป ควรเลือกสินเชื่อที่จะขอกู้ให้ถูกประเภท เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการพิจารณา และประเมินอนุมัติวงเงินกู้ด้วยอีกทางหนึ่ง

ยกตัวอย่างเช่น สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคล ซึ่งเป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ และไม่ต้องใช้บุคคลค้ำประกัน ให้วงเงินสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้ของผู้กู้ โดยสินเชื่อประเภทนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินก้อน และต้องการผ่อนคืนเป็นงวดๆ

นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อบัตรกดเงินสด ที่สามารถนำไปกดเงินสดผ่านตู้ ATM ภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติในบัตรกดเงิน สามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเงินคืนขั้นต่ำ หรือชำระคืนเต็มจำนวน ซึ่งสินเชื่อบัตรกดเงินสด มีการคิดดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินกู้ทุกชนิด แต่กลับได้รับความนิยมสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละธนาคารอาจออกเคมเปญใหม่ๆ ออกมาเพื่อจัดโปรโมชันเงินกู้ตามช่วงเวลาต่างๆ ของปี

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารกสิกรไทย