รู้หรือไม่ว่าอีกหนึ่งเทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจอย่าง “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” เมื่อปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 73% และส่วนใหญ่คนที่มีสัตว์เลี้ยงเกินครึ่งหนึ่งมีมากกว่า 1 ตัว โดยสัตว์เลี้ยงยอดนิยมยังคงเป็น สุนัข และแมว โดยมีแนวโน้มที่จะมีอัตราการเติมโตมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาแนะนำธุรกิจ PET SHOP หรือ ร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยงให้กับคนที่อยากจะทำธุรกิจนี้ ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ใช้งบลงทุนเท่าไร
โดยในครั้งนี้ จะมาแนะนำในรูปแบบการเป็นตัวแทนขายอาหารสัตว์แบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถขายได้หลากหลายชนิด รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงก็สามารถนำมาขายเสริมกันได้อีกด้วย
เปิดร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยง หรือ PET SHOP ต้องเริ่มต้นจากอะไร
1.มีความสนใจและชอบหาความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
รวมไปถึง Exotic Pets อื่น ๆ เพราะเมื่อเราชอบในสิ่งนั้น ๆ แล้วเราก็จะสนุกไปกับมันทั้งตอนที่ธุรกิจราบรื่นหรือตอนที่มีอุปสรรคก็ตาม
2.เตรียมวางแผนธุรกิจร้านขายอาหารสัตว์
การวางแผนธุรกิจที่ดีจะทำให้เรารับมือได้กับทุกปัญหา โดยข้อมูลหลักๆ ที่เราต้องมีเลยคือการตลาดที่เราจะใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า รวมไปถึงการศึกษาหาข้อมูลของคู่แข่ง นอกจากนี้ต้องคำนึงเรื่องการบริหารจัดการร้านและพนักงาน และขาดไม่ได้ต้องมีแผนรองรับในกรณีฉุกเฉินและแผนในอนาคตเตรียมไว้ให้พร้อม
3.เตรียมเงินลงทุน
ธุรกิจประเภทร้านขายอาหารสัตว์เรียกได้ว่าต้องมีเงินทุนพอสมควร เพราะเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมีรายละเอียดยิบย่อยทั้ง ค่าสินค้า ค่าแรงพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าที่ ซึ่งต้องมีเงินหมุนเวียนอยู่ตลอด โดยงบประมาณจะอยู่ที่ 150,000 – 250,000 บาท แบ่งรายละเอียดคร่าว ๆ ดังนี้
- ค่าสินค้าหน้าร้าน และสติกสินค้า 80,000 – 150,000 บาท
- เงินทุนหมุนเวียน 50,000 บาท
- ค่าเช่าสถานที่ 10,000 – 15,000 บาท (สำหรับพื้นที่เช่า)
- ค่าตกแต่งภายในร้าน 50,000 – 80,000 บาท
- ค่าแรง ค่าน้ำ ค่าไฟ 50,000 บาท (ขึ้นอยู่กับจำนวนพนักงาน)
4.การขอใบอนุญาต
ก่อนจะเปิดร้านขายอาหารสัตว์ต้องทำเรื่องขอใบอนุญาตกับกรมปศุสัตว์หรือปศุสัตว์จังหวัดให้เรียบร้อย เพราะหากไม่ทำให้ถูกต้องจะได้รับโทษตามกฎหมาย
- ใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ ประเภทขายส่งและขายปลีก ฉบับละ 300 บาท
- ใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ ประเภทขายปลีก ฉบับละ 100 บาท
5.ทำเลเปิดร้าน
ปัจจัยสำคัญของการเปิดร้านอาหารสัตว์และ Pet Shop ก็คือ ทำเล ซึ่งถ้าจะให้ขายดีก็ต้องเป็นทำเลที่อยู่ในพื้นที่ชุมชนและมีพื้นที่จอดรถไว้คอยอำนวยความสะดวกลูกค้าด้วย เพราะแหล่งชุมชนจะมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายผ่านไปมาตลอดเวลา ทำให้ลูกค้ามีโอกาสพบเห็นง่ายและมีโอกาสในการขายมากกว่า
6.หาแหล่งซื้อสินค้า
ในการหาสินค้ามาขายที่ร้านสิ่งสำคัญคือการติดต่อและทำข้อตกลงกับแหล่งผลิตสินค้า ควรตรวจสอบเรื่องคุณภาพที่เหมาะสมกับราคาและเลือกแบรนด์ที่เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้า พิจารณาง่าย ๆ โดยเลือกแหล่งผลิตสินค้าหรือแบรนด์ยอดนิยมที่สามารถติดต่อได้ง่าย และบริการดีคอยความช่วยเหลือเวลามีปัญหา
7.เลือกสินค้ามาขายให้โดนใจลูกค้า
ในธุรกิจนี้จำเป็นต้องเน้นความครอบคลุมมากที่สุด จะต้องมีสินค้าที่หลากหลาย นอกจากแบรนด์ยอดนิยมแล้ว ควรมีอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เข้ามาเสริมด้วย รวมไปถึงตัวยารักษาบางประเภทที่สามารถขายได้
เทคนิคการขาย
ตกแต่งร้านให้โดนใจ และหาสินค้าได้ง่าย แน่นอนว่าอาหารสัตว์ แปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง มีมากมายเป็น 100 เป็น 1,000 แบบ การจัดวางสินค้าถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าหาแบรนด์ที่ต้องการได้ง่าที่สุด
แสงสว่างต้องเข้าถึงทุกจุดในร้าน ด้วยจำนวนของสินค้าที่เยอะแยะมากมาย ทำให้อาจเกิดมุมอับมุมมืด ทำให้สินค้าในจุดนั้น ๆ ไม่โดดเด่น โดยเฉพาะในโซนของใช้ ของเล่นต่าง ๆ ควรทำให้สว่างสินเห็นสินค้าได้ง่าย ดูน่าซื้อ
มีตัวช่วยในการบริหารจัดการ ด้วยจำนวนสินค้าที่เยอะ เราไม่สามารถจำได้ทั้งหมดว่าสินค้าตัวไหนราคาเท่าไร หรือมีสต็อกสินค้าเหลือเท่าไร ควรใช้ระบบ POS ระบบเดียวก็ทำได้ครบทั้งซื้อขายสินค้า, CRM, นับ – จัดสต๊อกสินค้า, บริหารพนักงาน, รายงานยอดขาย
ทำการตลาด โปรโมทร้าน มีโปรโมชัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคนี้การจะขายสินค้าแต่ละอย่างได้ต้องมีกลยุทธ์ โฆษณาที่แตกต่างและน่าสนใจ ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น การทำป้ายประชาสัมพันธ์ หรือเปิดร้านขายอาหารสัตว์ออนไลน์ตาม Social Media Platform ต่าง ๆ รวมไปถึงการจัดโปรโมชันดึงดูดลูกค้า
ร้านขายอาหารสัตว์ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ แต่ผู้ลงทุนจะต้องเข้าใจก่อนว่าธุรกิจดังกล่าว มีรายละเอียดที่เยอะมาก โดยเฉพาะตัวสินค้าที่มีความหลากหลาย ควรเลือกสินค้ามาขายให้ตรงกลุ่ม เพียงหลีกเลี่ยงสินค้าค้างสต็อก โดยนำระบบ POS และ CRM เข้ามาใช้จะช่วยให้การทำธุรกิจง่ายขึ้น
อ่านบทความสร้างอาชีพอื่น ๆ คลิก