คณะกรรมการประกันสังคม มีมติปรับปรุง สิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรม สำหรับผู้ประกันตนทั้งในสถานพยาบาลเอกชนและรัฐ โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการทันตกรรมได้มากขึ้น ครอบคลุมทั้งการตรวจสุขภาพช่องปากและการผ่าตัดฟันคุด โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้เร็วที่สุดต้นปี 2569

น.ส.บุปผา เรืองสุด เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ในฐานะกรรมการและเลขานุการบอร์ดประกันสังคม เปิดเผยว่า การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเป็นไปตามมติของ คณะกรรมการการแพทย์ ครั้งที่ 3/2568 และ 4/2568 โดยสำนักงานประกันสังคมจะดำเนินการตามข้อสังเกตและขั้นตอนทางกฎหมาย พร้อมพิจารณาเรื่องรายรับให้เพียงพอต่อการเพิ่มสิทธิประโยชน์
รายละเอียดสิทธิประโยชน์ทันตกรรมใหม่
1. ผู้ประกันตนเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลเอกชน
-
ค่าบริการเดิม: ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน วงเงิน 900 บาทต่อคนต่อปี
-
รายการใหม่: เพิ่มการตรวจสุขภาพช่องปาก
-
รายการผ่าตัด: เพิ่มสิทธิ์ ผ่าตัดฟันคุด โดยโรงพยาบาลที่ทำข้อตกลงจะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากวงเงินที่กำหนด
2. ผู้ประกันตนเข้ารับบริการที่สถานทันตกรรมของรัฐ
-
รายการใหม่: ตรวจสุขภาพช่องปากและบริการทันตกรรมตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง โรงพยาบาลที่ทำข้อตกลงไม่สามารถเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม
-
ปรับอัตราเงิน: ค่าฟันเทียมถอดได้
-
รายการใหม่: ค่าซ่อมฟันเทียมและรากฟันเทียม สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งหมด และทันตแพทย์พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถใส่ฟันเทียมแบบปกติได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ประกันตนไม่มีสิทธิ์ในส่วนนี้

น.ส.บุปผา ระบุว่า การเพิ่มสิทธิประโยชน์ครั้งนี้จะทำให้สำนักงานประกันสังคมมี ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงต้องพิจารณารายรับของกองทุนด้วย โดยมีแนวทางปรับเพดานการจ่ายเงินสมทบ เพื่อให้การเพิ่มสิทธิประโยชน์ไม่ส่งผลกระทบต่อรายรับและรายจ่ายของสำนักงานประกันสังคม พร้อมเร่งดำเนินการทั้งการยกร่างประกาศ การทำ MOU กับสถานทันตกรรม และการกำหนดระบบข้อมูลผู้ใช้บริการและระบบบัญชี คาดว่าพร้อมให้บริการได้เร็วที่สุดต้นปี 2569
มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญและกรรมการประกันสังคม
-
รศ.อนุสรณ์ ธรรมใจ ที่ปรึกษาด้านการเงินและการคลังของบอร์ดฯ กล่าวว่า การปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ทันตกรรมเป็นความพยายามที่ต่อเนื่องของสำนักงานประกันสังคมและคณะกรรมการฯ เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ชัดเจน แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงต้องผูกสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นกับรายได้จากการปรับเพดานค่าจ้างและสมทบ
-
รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม ระบุว่า การปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ครั้งนี้ใช้งบประมาณประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี หรือสูงสุดไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี แต่จะช่วย ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน หลักล้านคน ลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัว และยังเป็นประโยชน์ต่อนายจ้างด้วย เนื่องจากสามารถวางสวัสดิการครอบคลุมผู้ประกันตนทุกช่วงอายุ

การปรับสิทธิประโยชน์ทันตกรรมครั้งนี้ ถือเป็นการขยายบริการที่ชัดเจนและจับต้องได้ สำหรับผู้ประกันตนทั้งภาครัฐและเอกชน นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาสวัสดิการสังคมไทย และช่วยให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการทันตกรรมที่มีคุณภาพโดยไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ได้ที่ : คลิก