สำหรับใครที่กำลังมองหาธุรกิจที่มั่นคง มีโอกาสเติบโตได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจการ “เปิดร้านฮาร์ดแวร์” หรือร้านขายวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ไฟฟ้า – ประปา ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะสินค้าส่วนใหญ่จำเป็นต่อการซ่อมแซม – ก่อสร้าง ใช้งานได้ยาว ไม่เน่าเสียง่าย และมีฐานลูกค้าหลักที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่าง ผู้รับเหมา หรือคนทั่วไปที่ต้องการซ่อมบ้านเอง แล้วถ้าคุณเป็นมือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ เปิดร้านครั้งแรก จะเริ่มต้นอย่างไรดี ? วันนี้ ชี้ช่องรวย จะมาแนะนำให้ได้ทราบกัน เรามาดูกันเลยว่าต้องเริ่มจากอะไรบ้าง

เริ่มต้นจากศูนย์ ต้องรู้อะไรบ้าง ?
1.ศึกษาตลาด และเลือกทำเลให้เหมาะ
ร้านฮาร์ดแวร์ควรอยู่ในย่านชุมชน แหล่งก่อสร้าง หรือริมถนนที่รถวิ่งผ่านเยอะ จุดสำคัญคือต้องมีที่จอดรถและเข้าถึงง่าย ลูกค้าหลักของคุณอาจเป็นช่างขับรถกระบะมา ซื้อของทีละมาก ๆ ดังนั้นเรื่อง “โลเคชัน” สำคัญมาก

2.วางแผนงบลงทุนเบื้องต้น
การลงทุนเปิดร้านฮาร์ดแวร์ขนาดกลางโดยไม่มีประสบการณ์ ควรเริ่มจากงบประมาณประมาณ 600,000 – 800,000 บาท โดยแบ่งสัดส่วน
รายการลงทุน |
ประมาณราคา (บาท) |
หมายเหตุ |
สถานที่และตกแต่ง |
100,000 – 300,000 |
ค่าเช่าตึกล่วงหน้า (3 เดือน) + ปรับปรุงร้าน (ทาสี เดินไฟ ติดป้าย ฯลฯ) |
สินค้าสต๊อกแรก |
300,000 – 500,000 |
ลงทุนซื้อสินค้าประเภทหลัก เช่น วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ไฟฟ้า ประปา เครื่องมือช่าง สำหรับร้านขนาด 1 คูหา) |
อุปกรณ์ POS/คอมพิวเตอร์ |
20,000 – 50,000 |
คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตพร้อมโปรแกรมขายหน้าร้าน (เช่น Loyverse) และเครื่องพิมพ์ใบเสร็จ |
เฟอร์นิเจอร์และชั้นวาง |
200,000 – 600,000 |
ชั้นวางสินค้า เคาน์เตอร์แคชเชียร์ และอุปกรณ์อื่นๆ (PN แนะนำชั้นวาง 1 คูหา 2 – 6 แสนบาท) |
เงินเดือนพนักงาน (เริ่มต้น) |
20,000 – 30,000 |
ประมาณค่าแรง 1 – 2 คน (10,000 – 15,000 บาท/คน/เดือน) |
อื่น ๆ |
10,000 – 30,000 |
ค่าจดทะเบียน, ใบอนุญาต, ป้ายร้าน, แผ่นกันลื่น, ตะกร้า/รถเข็น, ตู้กั้นกระจก ฯลฯ. |
3.เงินทุนหมุนเวียนรายเดือน
หลังจากเปิดร้านแล้ว ควรเตรียมเงินหมุนเวียนรายเดือนสำหรับค่าใช้จ่ายหลักต่าง ๆ ได้แก่ ค่าสต็อกสินค้าใหม่ (เพื่อเติมสินค้าขาย), ค่าแรงพนักงาน, ค่าน้ำ-ไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายทั่วไปอื่น ๆ ตัวอย่างการประมาณมีดังนี้ (เป็นการคาดการณ์เบื้องต้น)
รายการลงทุน |
ประมาณราคา (บาท) |
หมายเหตุ |
ซื้อสินค้ารอบใหม่ |
100,000 – 150,000 |
ซื้อสินค้ากลับเข้าสต็อกใหม่ (ประมาณ 30 – 50% ของยอดขาย/ต้นทุน) |
ค่าแรงพนักงาน |
20,000 – 30,000 |
ค่าแรง 1 – 2 คน (เดือนละ 10,000 – 15,000 บ.ต่อคน) |
ค่าน้ำ-ไฟฟ้า |
3,000 – 5,000 |
ประมาณการค่าไฟ ฟ้า น้ำประปา (อิงร้านค้าปลีกทั่วไป) |
การตลาด/อื่น ๆ |
2,000 – 5,000 |
สื่อประชาสัมพันธ์, ค่าเดินทาง, กิจกรรมส่งเสริมการขาย ฯลฯ |

4.ต้องมีสินค้าอะไรบ้าง ? จัดหมวดหมู่สินค้าให้ครอบคลุม เช่น
- วัสดุก่อสร้าง – ปูน ทราย อิฐ เหล็ก
- ประปา – ท่อ PVC, ข้อต่อ, วาล์ว, ก๊อกน้ำ
- ไฟฟ้า – สายไฟ, ปลั๊ก, หลอดไฟ, สวิตช์
- เครื่องมือช่าง – ไขควง ประแจ ค้อน สว่าน
- เคมีภัณฑ์ – สี กาว น้ำยาเคลือบกันซึม
- ฮาร์ดแวร์ทั่วไป – น็อต ตะปู ลูกบิด ผ้าฟาง เทปพันเกลียว ฯลฯ

ไม่จำเป็นต้องสต๊อกทุกอย่างเยอะตั้งแต่แรก ให้ดูจากความต้องการในพื้นที่ก่อน แล้วค่อย ๆ ขยายรายการสินค้า

5.ใช้ระบบช่วยจัดการ (POS)
แม้จะไม่มีประสบการณ์ คุณก็สามารถบริหารร้านได้อย่างมืออาชีพด้วยระบบ Point of Sale (POS) ที่ช่วยจัดการสต๊อก ออกใบเสร็จ คิดเงิน และดูรายงานยอดขาย เช่น Loyverse POS (ใช้ฟรี) หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่ไม่แพง ใช้งานง่าย

6.ลูกค้าทุกกลุ่มเข้าร้านได้ ต้องทำยังไง ?
อย่ามองแค่ช่างหรือผู้รับเหมา กลุ่มลูกค้าทั่วไปก็สำคัญมาก ร้านของคุณควรจัดวางสินค้าให้หาเจอง่าย มีป้ายราคาชัดเจน ทำให้คนธรรมดาเข้ามาแล้วไม่รู้สึกว่า “ต้องรู้เรื่องก่อสร้าง” ถึงจะซื้อของได้ เพิ่มบริการเล็ก ๆ อย่างช่วยอธิบายการใช้งาน หรือมีสินค้าแบบเซ็ต เช่น “ชุดซ่อมก๊อกน้ำ” ก็จะช่วยให้ร้านของคุณเข้าถึงคนทั่วไปได้มากขึ้น
- ไม่มีประสบการณ์ ก็เปิดได้ ถ้าทำตามนี้
- เริ่มจาก เล็ก กลาง อย่าลงทุนเกินตัว
- หาแหล่งส่งของเชื่อถือได้ เช่น ร้านค้าส่งวัสดุก่อสร้าง คลองถม หรือแม้แต่ตัวแทนจากบริษัทแบรนด์ดัง
- ถามช่างหรือร้านใกล้เคียงว่าสินค้าไหนขายดี
- ฝึกพนักงานให้เข้าใจสินค้าและพูดกับลูกค้าเป็น
- ใช้ระบบ POS จัดการง่ายขึ้น
- เปิดเพจออนไลน์ ช่วยเพิ่มยอดขาย และตอบคำถามลูกค้าได้

8.กำไรจากการขาย (ประมาณการ)
สินค้าในร้านฮาร์ดแวร์มีหลายกลุ่ม โดยทั่วไปอัตรากำไร (กำไรขั้นต้น 20 – 30%) จะแตกต่างกันไป ดังนี้
ประเภทสินค้า |
กำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ย |
สินค้าขนาดเล็ก (ตะปู, น็อต, เทป, ลูกบิด ฯลฯ) |
30–50% |
อุปกรณ์ไฟฟ้า/ประปา (หลอดไฟ, สายไฟ, ก๊อก, ท่อ PVC) |
20–30% |
เครื่องมือช่าง (ค้อน, ไขควง, ประแจ ฯลฯ) |
20–35% |
วัสดุก่อสร้าง (ปูน, ทราย, เหล็ก ฯลฯ) |
10–15% |
สินค้าแบรนด์ เช่น BOSCH, MAKITA |
10–20% |
รายได้ต่อเดือน (สมมุติฐาน)
- สมมติร้านขนาดกลาง มีลูกค้าเฉลี่ย 15 – 20 คน/วัน
- ลูกค้าซื้อเฉลี่ย 300 – 500 บาท/คน
รายได้ประมาณ
- รายวัน 4,500 – 10,000 บาท
- รายเดือน 135,000 – 300,000 บาท
กำไรขั้นต้น (20–30%) ต่อเดือนโดยเฉลี่ย 27,000 – 90,000 บาท

9.ระยะเวลาคืนทุน (โดยประมาณ)
จากงบลงทุนเริ่มต้น 700,000 – 1,000,000 บาท
หากกำไรต่อเดือน = 50,000 บาท คืนทุนในเวลา 14 – 20 เดือน หรือประมาณ 1 ปีครึ่ง – 2 ปี
หมายเหตุ : ถ้าร้านอยู่ในทำเลดี มีกลุ่มช่างประจำ และมีสินค้าครบ โอกาสคืนทุนเร็วขึ้นมาก (ภายใน 12 เดือนก็เป็นไปได้)
เคล็ดลับคืนทุนเร็ว
- ขายสินค้าราคาต่อหน่วยต่ำ + กำไรดี (เทป, น็อต, ประแจ)
- สร้างฐานลูกค้าขาประจำ เช่น ช่างไฟ, ผู้รับเหมา
- สร้างโปรโมชันเฉพาะกลุ่ม เช่น ส่วนลดเฉพาะช่าง
- มีบริการจัดส่ง, เก็บเงินปลายทาง
- เปิดเพจออนไลน์ รับออร์เดอร์ลูกค้าทั่วไป
การเปิดร้านฮาร์ดแวร์ไม่ใช่เรื่องยาก แม้คุณไม่มีประสบการณ์ ขอเพียงเริ่มต้นอย่างมีแผน รู้จักควบคุมงบประมาณ เลือกสินค้าให้ตรงกลุ่มลูกค้า และเน้นบริการที่เข้าถึงง่าย คุณก็สามารถเปิดร้านฮาร์ดแวร์ขนาดกลางในชุมชนได้อย่างมั่นคง และเติบโตได้ระยะยาว
อ่านบทความสร้างอาชีพอื่น ๆ คลิก