ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน
อาหารตามสั่ง

เปิดร้าน “อาหารตามสั่ง” อีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ ของคนมีเสน่ห์ปลายจวัก

ร้านอาหารตามสั่ง เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถสร้างรายได้แบบไม่ยาก หากมีฝีมือการทำอาหารมากพอก็สามารถขายได้อย่างแน่นอน วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาแนะนำอาชีพให้กับคนที่อยากจะเปิดร้านขายอาหาร แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรได้ทราบว่า เราต้องใช้งบลงทุนประมาณเท่าไร่ และเตรียมวัตถุดิบอุปกรณ์อะไรบ้างในการเปิดร้าน

อาหารตามสั่ง

ซึ่งในครั้งนี้ จะเป็นการแนะนำการซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นใหม่ทั้งหมด แต่หากใครมีอุปกณ์ที่ใช้ในครัวเรือนอยู่บ้างแล้ว ก็สามารถนำมาใช้แทนกันได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อขจองใหม่ จะช่วยประหยัดต้นทุนไปได้มากพอสมควร เรามาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

อาหารตามสั่ง

อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้

  • ค่าเคาน์เตอร์/รถเข็น ราคา 5,000 – 7,000 บาท
  • ตู้กระจก ราคา 1,000 บาท
  • เตาแก๊ส – ถังแก๊ส ราคา 3,500 บาท
  • กระทะ 300 – 500 บาท
  • หม้อมีด้ามจับราคา 100 – 200 บาท
  • หม้อหุงข้าวขนาด 3.8 ลิตร ราคา 1,700 – 1,900 บาท
  • จาน – ชาม ราคา 20 บาท/ใบ
  • ช้อน – ส้อม ราคา 100 บาท/กล่อง
  • กล่องใส่ช้อน ราคา 50 บาท
  • โต๊ะ – เก้าอี้ ราคา 500 – 600 บาท/ชุด
  • อุปกรณ์อื่น ๆ ประมาณ 1,000 – 1,500 บาท

อาหารตามสั่ง

วัตถุดิบที่ต้องใช้

  • ของสด หมู ไก่ ทะเล ประมาณ 1,000 – 2,000 บาท
  • ผักสดต่าง ๆ ประมาณ 500 บาท
  • เครื่องปรุงต่าง ๆ ประมาณ 500 บาท
  • ข้าวสาร 1ประมาณ 100 – 200 บาท
  • อื่น ๆ ประมาณ 500 บาท

หมายเหตุ : ต้นทุนอุปกรณ์และวัตถุดิบข้างต้น สามารถนำของที่มีอยู่ในครัวเรือนมาใช้ได้เพื่อลดต้นทุน

อาหารตามสั่ง

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เทคนิคการเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง

1.รสชาติต้องดี ปริมาณคุ้มค่า

เรื่องนี้สำคัญมากผู้ที่เปิดร้านจะต้องมีพื้นฐานการทำอาหารในระดับหนึ่ง สามารถปรุงอาหารให้ออกมารสชาติดีได้ ถูกปากลูกค้า หรือสามารถทำตามความต้องการของลูกค้าได้ จะช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ หรือกลายเป็นลูกค้าขาประจำ รวมไปถึงประมาณที่คุ้มค่าหมดสมกับราคา ไม่ควรมุ่งเน้นกำไรมากไป

ปัจจุบันผู้คนมีความเร่งรีบมากขึ้น ร้านอาหารจานเดียวหรือร้านอาหารตามสั่งจึงได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นหมายถึงใครก็ตามที่ทำธุรกิจนี้กำ็จะมีคู่แข่งมากขึ้นด้วย แล้วจะทำอย่างไรหละ ให้เราขายดีกว่าร้านคู่แข่ง วันนี้ ชี้ช่องรวย มีเคล็ดลับดีๆ มานำเสนอเพื่อให้ร้านของคุณมียอดขายที่มากกว่า ลูกค้าเยอะกว่า กำไรมากกว่า เรามาดูกันเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

2.อัพเกรดเมนูที่แสนธรรมดา ให้ไม่ธรรมดา

เจ้าของร้านที่มีแนวคิดที่แตกต่าง มักจะสรรหาและเปลี่ยนเมนูธรรมดาๆ ให้กลายเป็นเมนูหรูเลิศ เช่น ผัดกระเพราหมูราดข้าวธรรมดาๆ เปลี่ยนมาเป็นกระเพราหมูคุโรบุตะราดข้าว กลายเป็นเมนูที่เพิ่มมูลค่าให้กับจานธรรมดาๆ หรืออาจจะคิดเมนูเด่นประจำร้านที่ใครมาร้านนี้จะต้องสั่ง การคิดค้นสูตรอาหารเมนูใหม่ๆ อย่างนี้เป็นต้น

3.เพิ่มความพิเศษด้วยความหลากหลาย

แม้จะเป็นเมนูจานเดียว แต่ก็สามารถเพิ่มความหลากหลายเข้าไปให้เกิดตัวเลือกมากขึ้นไม่จำเจเป็นเมนูสิ้นคิด เช่น สารพัดเมนูพัดกระเพรา ไม่ใช่มีแต่ หมู ไก่ เนื้อ หรือมีเมนูของหวานตบท้ายแถมให้แบบไม่คิดเงิน เป็นต้น

4.เติมความไม่ธรรมดาด้วยหน้าตาจัดเสิร์ฟ

ยกตัวอย่างเช่น อาหารญี่ปุ่นที่เราไปรับประทานที่ร้าน แต่ละเมนูจะมีการตกแต่งจานด้วยผักและมีการกะสลักอย่างสวยงาม ช่วยให้อาหารในจานดูน่ากิน ทำให้ลูกค้าได้อิ่มท้องแล้วก็ยังอิ่มใจกับความสวยงามบนจานอีกด้วย การทำอย่างนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเมนูมากขึ้น

5.เพิ่มความไม่ธรรมดาด้วยท็อปปิ้งเพิ่มยอดขาย

เมนูอาหารจานเดียวผู้ประกอบการยังสามารถเพิ่มยอดขายได้จากท็อปปิ้งต่าง ๆ ที่หากใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปสักนิดจะยิ่งทำให้ท็อปปิ้งเสริมความพิเศษให้กับเมนูได้ เช่น ข้าวหมูทอดคู่กับไข่แดงดอง ข้าวกระเพราไข่ดาวแฟด หรือ ท็อปปิ้งทั่ว ๆ ไป เช่น กุนเชียง หมูยอ ไส้กรอก ที่นอกจากจะขายคล่องแล้ว

6.จัดเป็นเมนูเซ็ทเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ

ร้านอาหารส่วนใหญ่มักจะมีเมนูจานเดียวอยู่แล้ว ดังนั้นหากผู้ประกอบการต้องการดึงเมนูจานเดียวให้มีความพิเศษขึ้นมา ลองนำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ ซึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้ไม่ธรรมดาคือ หน้าตา ภาชนะและเรื่องราวของเมนูนั้น เพราะการทำร้านอาหารยุคนี้แค่อร่อยอย่างเดียวไม่พอแต่ยังต้องมีหน้ามีตาให้ลูกค้า

7.ใช้โซเชียลให้เกิดประโยชน์

ปัจจุบันโซเชียลถือเป็นช่องทางการทำการตลาดที่ง่ายที่สุดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ควรตกแต่ง จัดจานอาหร ถ่ายรูปโพสลงโซเชียลโชว์เมนูที่ทำ เพื่อดึงดูดลูกค้า

8.ช่องทางการขายมีมากกว่า 1 ทาง

ปัจจุบันแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่มีมากมาย ไม่จำเป็นต้องเปิดรอรับลูกค้าเฉพาะหน้าร้าน เราสามารถสมัครขายผ่านระบบเดลิเวอรี่ได้ แต่ต้องคำนวณเรื่องของราคาขายให้ดี


อ่านบทความสร้างอาชีพอื่น ๆ คลิก