นพพลเผยว่าเส้นทางของ ServisHero ในช่วงแรกนั้นไม่สวยหรู อันดับแรกคือ การเปลี่ยนความเชื่อของคน การจะชวนใครสักคนมาเป็น “ฮีโร่” ไม่ง่าย เนื่องจากบรรดาช่างและแม่บ้านล้วนกลัวโดนหลอก แต่เขาก็พิสูจน์ด้วยการทำให้ฮีโร่ที่เข้ามาในระบบ มีงาน มีรายได้มากขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีเวลาให้กับครอบครัวภายใน 3 เดือน จากนั้นมาก็เหมือนเขื่อนแตก มีฮีโร่วิ่งเข้าหาทุกวันจากการแนะนำบอกต่อ “ฮีโร่ที่เข้ามาในระบบจะต้องมีประวัติโปร่งใส เราจะมีใบสมัครให้กรอก มีการสัมภาษณ์ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะเดียวกันเราก็ทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง เช่น Facebook, Google, Youtube ให้ลูกค้ารู้จัก ServisHero และเรียกใช้บริการได้ตามต้องการ เช่น ทำความสะอาดบ้าน ซ่อมประปา งานไฟฟ้า ขนของ แต่งหน้าทำผม ฯลฯ ServisHero จะทำหน้าที่เหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตของธุรกิจบริการ ที่นี่ลูกค้ามั่นใจได้ว่าคุณจะได้ช่างคุณภาพ ราคาเป็นธรรม สามารถเปรียบเทียบได้”
ทั้งนี้ แอปพลิเคชั่นถูกพัฒนาออกมา 2 ระบบ คือ ระบบของลูกค้าผู้ใช้งานทั่วไป และระบบของฮีโร่ ซึ่งนพพลลงทุนกับระบบฝั่งฮีโร่ไปค่อนข้างมาก โดยออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ถนัดใช้เทคโนโลยีเท่าที่ควร “ServisHero จะเป็นอาวุธของคนตัวเล็กในแวดวงธุรกิจบริการ เราให้องค์ความรู้ต่างๆ เช่น การดูแลลูกค้า การทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ผ่านรีวิว ซึ่งมีความสำคัญและสร้างขวัญกำลังใจให้เหล่าฮีโร่อย่างมาก เพราะช่วยเพิ่มโอกาสในอาชีพหรือการรับงานในครั้งต่อไป ทั้งนี้ เราต้องการพัฒนาให้ผู้ให้บริการรายย่อย ซึ่งเรามองว่าเป็นพันธมิตร มีศักยภาพ สามารถแข่งขันกับเจ้าใหญ่ๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีเครือข่าย”
นพพล เล่าต่อว่า เมื่อลูกค้าแจ้งงานเข้ามา ระบบหลังบ้านจะส่งต่องานให้กับฮีโร่ที่มีแอปฯ ServisHero อยู่ในมือถือ และอยู่ในละแวกพื้นที่ให้บริการ โดยเขาเชื่อว่าการที่ส่งงานให้กับช่างในพื้นที่ ค่าบริการที่ลูกค้าต้องจ่ายก็จะถูกลงตามไปด้วย ปัจจุบัน ServisHero มีช่างในระบบกว่า 1,000 คน ช่างคนไหนสนใจงานก็ส่งใบเสนอราคาให้ลูกค้าพิจารณา นพดลเปิดโอกาสให้บรรดาช่างเสนอราคาที่ตนพึงพอใจ เช่น งานทำความสะอาดบ้าน 500-1,000 บาทต่องาน ส่วนลูกค้าก็สามารถเลือกช่างจากโปรไฟล์ ราคา รวมทั้งประสบการณ์การให้บริการที่ลูกค้ารีวิวไว้ เรียกว่าต่างมีอิสระในการเลือกกันและกัน ทั้งนี้ ServisHero จะมีรายได้หล่อเลี้ยงบริษัทจากการหักเครดิตที่เหล่าฮีโร่ซื้อไว้ โดย 1 เครดิตมีค่าเท่ากับ 10 บาท ซึ่งจะมีการหัก 1 เครดิตเมื่อช่างส่งใบเสนอราคาเข้ามา ไม่ว่าจะได้งานหรือไม่ก็ตาม และจะหัก 3-4 เครดิตเมื่อช่างได้รับงาน แต่หากงานที่รับมีมูลค่าสูง เครดิตก็จะปรับสูงขึ้นตามไปด้วย โดยหักสูงสุด 10 เครดิต หรือ 100 บาทต่องาน
“เราเชื่อในกลไกทางธรรมชาติ การที่เราขอหัก 1 เครดิตก็เพื่อสร้างจิตวิทยาทางต้นทุนให้ช่างคิดก่อนว่าจะรับงานนั้นจริงหรือไม่ ไม่ใช่ทุกคนเทรับงานหมดและไปบริการลูกค้าแบบผ่านๆ ทำให้ระบบของเรามีมาตรฐานมากขึ้น รายได้ที่เราได้รับอาจจะไม่เยอะ แต่ผลกระทบเชิงบวกที่ทำให้สังคมมันมหาศาล แม่บ้านบางคนรับได้ 3 งานต่อวัน เท่ากับมีรายได้ 1,500 บาทต่อวัน เราเปลี่ยนชีวิตคนจริงๆ ทุกๆ วันจะมีฮีโร่โทรเข้ามาขอบคุณเราที่ให้โอกาสเขาได้เป็นนายของตัวเอง” นพพล บอกว่าธุรกิจอยู่ได้เพราะเงินทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งในรูปแบบ Angel Fund และ VC ที่เชื่อว่าสิ่งที่เขาทำจะเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น ปี 2560 เขาวางแผนที่จะขยายธุรกิจสารพัดบริการไปทั่วประเทศ โดยเริ่มต้นจากหัวเมืองใหญ่ๆ ในแต่ละภูมิภาคก่อน โดยเขาคาดว่าธุรกิจแอปฯ ServisHero จะทำกำไรได้ภายในเวลา 3 ปี และสามารถปั้นช่างให้มีอาชีพได้ประมาณ 100,000 คน
“ด้วยความที่เรามีเครือข่ายที่ใหญ่มาก รองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่บ้านเดี่ยวหลังเล็กจนถึงโรงงาน กระทั่งบริษัทใหญ่ก็อยากจะให้ ServisHero เข้าไปดูแล นี่คือจุดแข็งที่สร้างโอกาสธุรกิจให้เรา ทุกวันนี้มีร้านกาแฟ ร้านอาหารเล็กๆ หลายร้าน ใช้ระบบของเราในการดูแลเรื่องงานซ่อมแซม เพราะจ้างช่างประจำนั้นไม่คุ้ม ในอนาคตเราอยากจะหาพาร์ทเนอร์องค์กรต่างๆ อยากให้เขาเปลี่ยนมุมมอง โดยลองจ้างงานช่างเป็นจ๊อบแทนการจ้างช่างประจำ เนื่องจากงานซ่อมแซมไม่ได้มีทุกวัน ก็จะช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนทางธุรกิจได้อีกทางหนึ่ง“ นพดล มีความเชื่อว่าหากลูกค้าประทับใจในงานแม่บ้านแล้ว ครั้งต่อไปลูกค้าคนนั้นก็จะกลับมาใช้บริการงานด้านอื่นๆ ต่อไป เพราะเขาตั้งใจจะให้แอปฯ ServisHero เป็นคลังข้อมูลที่ใครต้องการหาช่าง หาแม่บ้าน มาหาที่เดียวแล้วจบ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา แต่เขาจะพยายามทำมันให้สำเร็จ