ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

“แหลมเกตุ” ซีฟู้ดร้อยล้าน! ปั่นออนไลน์ด้วย “ไวรัล”


   

อพิชาต บวรบัญชารักข์ เจ้าของธุรกิจผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ เล่าว่า แหลมเกตุ เดิมเป็นร้านอาหารของครอบครัว ที่เปิดมานานกว่า 30 ปีอยู่ที่อำเภอศรีราชา แต่ด้วยภาวะทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทำให้ต้องปิดกิจการลงในปี 2550 หลังจากนั้น 5 ปี เขาก็ได้มีความคิดปลุกปั้นร้านอาหารนี้ขึ้นมาอีกครั้งที่ใจกลางกรุงเทพฯ ในช่วง 2 ปีแรกของการกลับมาเปิดร้านใหม่ต้องใช้เงินกว่าเดือนละ 5 แสนบาทเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารร้าน ขณะที่รายรับมีเข้ามาไม่มากนัก ทำให้ อพิชาต ต้องกลับมาทบทวนแนวทางการทำธุรกิจใหม่ ทั้งเรื่องของการบริการที่จะต้องตอบโจทย์ลูกค้า รวมไปถึงเรื่องของการตลาด จนได้ออกมาเป็นโมเดลร้านอาหาร “ซีฟูดส์บุฟเฟต์” แบบอะลาคาร์ท คือ ลูกค้าไม่ต้องเดินไปตักอาหารเอง เพียงแค่เลือกอาหารตามเมนูที่เตรียมไว้ตามต้องการ จ่ายในราคาเท่ากันทุกคน 666 บาท มีเวลารัยบประทาน 90 นาที นอกจากยังใช้งบในการลงทุนตกแต่งร้านให้สวยงามมีเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้กับแบรนด์

สำหรับการตลาดออนไลน์ถือเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ร้านเติบโตอย่างเช่นทุกวันนี้ ด้วยวิธีคิดที่แตกต่างไปเจ้าอื่น อพิชาต เล่าว่า ใช้เฟซบุ๊กเป็นตัวเอกในการนำเสนอคอนเทนต์ โดยทำการสำรวจก่อนว่าคนส่วนใหญ่ในโซเชียลเน็ตเวิร์คชอบอะไร ซึ่งก็ได้คำตอบว่า “ชอบเรื่องที่เป็นกระแสและเรื่องผู้ชาย” จนเกิดเป็นไอเดียที่ดึงเอาคนดังที่กำลังเป็นที่พูดถึงมาถ่ายแบบให้กับร้านมีคอนเซ็ปต์ที่ไม่ใช่การโฆษณาแบบฮาร์ดเซล แต่ถ่ายภาพออกมาให้ดูดีมีสไตล์ทำให้คนดูรู้สึกว่ามีความสุขแล้วอยากจะแชร์ต่อ “ถ้าเราทำแค่รีวิวหรือแชร์ภาพอาหารไป มันก็เหมือนกับร้านอื่นๆ ไม่เป็นที่สนใจกับลูกค้า แต่ถ้าเราทำเป็นแบบแฟชั่นเซ็ท ดึงสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากับร้านอาหาร มาทำให้อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ทั้งนายแบบ เสื้อผ้า เครื่องประดับ มันจะเป็นที่ชื่นชอบและถูกส่งต่อไปมากกว่า คนแรกที่แบรนด์เลือกใช้คือ รัศมีแข นักแสดงที่รับบท ‘เอ็นจอย’ ในซีรีส์ชื่อดัง ซึ่งฃื่อก็พ้องกับคำว่า ‘ความสุข’ ที่เป็นเหมือนหัวใจหลักของร้าน และเมื่อปล่อยภาพออกไปก็เกิดเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์ ทำให้ร้านเป็นที่จดจำ” อพิชาต กล่าวเสริม

หลังจากความสำเร็จจากแฟชั่นเช็ทชุดแรกของ “รัศมีแข” ที่มีคนแชร์นับแสนครั้งในเวลาอัดรวดเร็ว ทางร้านก็อาศัยกระแสนั้น ปล่อยภาพชุดใหม่ต่อทันที เพื่อตอกย้ำความเป็นร้านที่แตกต่าง ผสมผสานระหว่างอาหารและศิลปะ ทั้ง Delicious-Fresh-Hungry ที่ใช้คนดังหลายคนมาถ่ายแบบให้ อาทิ เจเจ-กฤษณภูมิ, ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองนักแสดงวัยรุ่น รวมไปถึงนักฟุตบอลหน้าหล่ออย่าง ตี๋-บุญเกียรติ ที่สาวๆ ในโซเชียลพูดถึงเป็นอย่างมาก ล่าสุดกับการเชิญ ลีน่า จัง มาเป็นอีกหนึ่งพรีเซ็นเตอร์ให้กับร้าน ถึงแม้จะมีทั้งเสียงก่นด่าและชื่นชมในความสร้างสรรค์ไปพร้อมๆ กัน แต่ก็สามารถทำให้ร้านเป็นที่พูดถึงได้อีกครั้ง นอกจากนี้การตลาดออนไลน์แล้ว ที่ผ่านมาทางร้านก็ได้จัดกิจกรรมที่เกาะกระแสการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2016 รอบชิงชนะเลิศ ด้วยการให้เหล่าแฟนคลับนางงามมาร่วมช่วยกันลุ้นเอาใจช่วย น้ำตาล-ชลิตา ให้ความมงกุฎมาให้ได้ ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ก็มีเหล่าสื่อมวลชนมาทำข่าวเป็นจำนวนมากทำให้มีภาพบรรยากาศในร้านไปอยู่บนทุกสื่อทุกช่องโดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา

แม้จะมุทำการตลาดอย่างหนัก ขณะเดียวกัน อพิชาตก็ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญเรื่องรสชาติ ที่จะเป็นตัวดึงให้ลูกค้ากลับมาทานใหม่ โดยทางร้านก็ได้เชิญเหล่านักชิมชื่อดังเข้ามาร่วมพิสูจน์รสชาติและคุณภาพของอาหารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าร้านไม่ได้สวยแค่รูปแต่จูบไม่หอม “ถ้าจะทำการตลาดออนไลน์ให้ปัง เราจะต้องทำมันบ่อยๆ อย่าตกกระแส อย่ายึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ต้องปรับตัวปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และจะต้องอดทนรอเพราะการสร้างคอนเทนต์ออนไลน์ แล้วจะให้ดังในวันรุ่งขึ้นเลย มันเป็นไปได้น้อยมาก” อพิชาต กล่าว ปัจจุบัน Laemgate Infinite ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 เอสเจ อินฟินิต ทาวเวอร์ ถ.วิภาวดีรังสิต เวลาเปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันอังคารแบ่งเป็นวันละ 4 รอบ รอละ 90 นาที ดังนี้ รอบที่1 เวลา 11.30 – 13.00 น.  รอบที่ 2 เวลา 13.30 – 15.00 น. รอบที่3 เวลา 17.30 – 19.00 น. รอบที่4  เวลา 19.30 – 21.00 น.

      Laemgate Infinite พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทุกธุรกิจไม่ว่าจะขายของออนไลน์หรือไม่ การทำการตลาดออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญ เพราะต่อให้ร้านหรือบริการยอดเยี่ยมแค่ไหน ถ้าไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โอกาสที่จะอยู่รอดหรือเติบโตต่อไปได้ก็มีน้อย