ดร. วิริยะ ลิขิตวงศ์ นายกสมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMECN) พูดถึงโอกาสและทางรอดของผู้ประกอบการ SME ไทยว่า ไม่ว่าธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ ถ้าไม่ยอมปรับตัวก็มีความเสี่ยงที่จะตกยุค เพราะปัจจุบันโลกได้ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นการเปลี่ยนไปสู่โลกยุคดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการ SME ต้องตระหนักและเร่งปรับตัวให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ส่วน SME ที่ต้องการจะก้าวเข้าสู่เวทีการค้าในโลกยุคดิจิตอล ก็ต้องมีความพร้อมที่จะแปลงสภาพตัวเองให้เป็น
SME 4.0 ที่ไม่เพียงนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาช่วยในการพัฒนาการผลิต หรือการขายเท่านั้น แต่จะต้องปฏิวัติตนเองด้วยการทำงานบนพื้นฐานของดิจิตอลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การผลิต การจัดการ การตลาด การรับจ่ายเงิน การขนส่ง หรือการบริการ ดร. วิริยะ กล่าวย้ำว่า สมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาฯ เป็นอีกฟันเฟืองหนึ่งที่จะช่วยผลักดันผู้ประกอบการให้สามารถก้าวไปข้างหน้า ด้วยการเป็นสื่อกลางและเป็นตัวกลางจัดหาที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต การตลาด การเงิน การบริหารจัดการ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ ที่จะให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิตอล สำหรับคำแนะนำในการเป็นผู้ประกอบการ SME 4.0 ผมอยากจะให้ไว้ 4 แนวทาง เรื่องแรกคือ ผู้ประกอบการทราบดีหรือไม่ว่า ตัวเองทำธุรกิจอะไร และมีความรู้ที่ลึกซึ้งในธุรกิจที่ตัวเองทำดีมากน้อยเพียงใด และเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไปแล้วยังจะสามารถทำธุรกิจในรูปแบบเดิม ๆ ได้หรือไม่ เรื่องที่สองคือ สินค้าที่ขายอยู่นั้น ตลาดอยู่ที่ไหน ใครคือผู้ซื้อ ใครคือลูกค้าที่แท้จริง เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ เป็นยุคของ One World One Market ผู้ประกอบพร้อมหรือยัง พร้อมรองรับสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ส่วนเรื่องที่สามคือ การผลิต ต้องดูว่าเทคโนโลยีที่มียังใช้ได้หรือไม่ มีมาตรฐานหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยลดต้นทุนหรือไม่ และเรื่องที่สี่คือ ราคา ผู้ประกอบการไทยชอบคิดว่าตั้งราคาสูงๆ แล้วไม่รู้ว่าจะขายใคร ปัจจุบันไม่มีแล้วราคาสูง แต่อยู่ที่ว่าราคาสมเหตุสมผลกับคุณภาพสินค้าหรือไม่ ตัวผมเองเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าทำสินค้าได้มาตรฐานและสื่อสารผ่านช่องทางที่ถูกต้อง ถึงลูกค้าที่แท้จริง ไม่ว่าราคาเท่าใด ก็สามารถขายได้ อย่ากลัวที่จะขายสินค้าแพง ถ้าสินค้านั้นดี มีมาตรฐาน และมีคุณภาพ ในส่วนของสมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาฯ ตลอดปี 2559 มีหลักสูตรที่ปรึกษาธุรกิจ เพื่อที่จะผลิตที่ปรึกษามืออาชีพ และผ่านเกณฑ์ของหลักสูตรประมาณ 200 คน ซึ่งปัจจุบันได้ออกไปอยู่ในแวดวงที่ปรึกษาในหลากหลายสาขา ทางสมาคมฯ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือด้วยการเป็นพี่เลี้ยงให้กับเอสเอ็มอีไทย เพื่อจะช่วยหาคำตอบ บอกช่องทางให้เข้าถึงและเท่าทัน และก้าวไปพร้อมกับนโยบายของรัฐในการเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ทั้งนี้ สมาคมฯ จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างที่ปรึกษาฯ กับผู้ประกอบการ กลไกหนึ่งที่จะช่วยให้สองฝ่ายได้ติดต่อประสานงาน รับรู้ข้อมูลและรับทราบความเคลื่อนไหวต่างๆ นั่นก็คือ ช่องทางผ่านทางเว็บไซต์ หากผู้ประกอบการได้รับบริการจากที่ปรึกษาของสมาคมฯ แล้ว ไม่ได้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งใจไว้ ทางสมาคมฯ จะเรียนเชิญที่ปรึกษาท่านนั้นเข้ามาพูดคุยแนะนำตักเตือน หรือผู้ประกอบการจะเปลี่ยนที่ปรึกษาคนใหม่ก็ได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการใช้ที่ปรึกษาของสมาคมฯ ก็อุ่นใจได้ว่ามีองค์กรที่คอยกำกับ ติดตาม ดูแล ไม่ให้เป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเรื่องของสมาคมฯ ที่พร้อมให้บริการ ไม่คิดหวังผลกำไรทางธุรกิจ โดยยินดีจะช่วยเหลือผู้ประกอบการเป็นหลัก พร้อมคาดหวังว่าเมื่อผู้ประกอบการผลิตสินค้าออกมาแล้วสามารถขายได้แบบถูกทาง มีตลาด สินค้าดีมีคุณภาพ มีมาตรฐาน นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของสมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
SME ที่ต้องการที่ปรึกษาทางธุรกิจ สามารถคลิกดูรายละเอียดและกิจกรรมของสมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMECN) ได้ที่ www.smecn.or.th หรือ โทร.09-5091-7711