จากความตั้งใจแรกที่จะทำโฮสเทลบนที่ดินของทางบ้าน โชติรัตน์ บังเอิญมาเจอที่ดินแปลงนี้เปิดให้เช่าบนทำเลที่ถือว่าดีมาก อีกอย่างไม่ต้องลงทุนมากถ้าเทียบกับการสร้างใหม่ เพียงปรับโครงสร้างเดิมที่เป็นห้องแถว 3 ชั้น 4 ห้อง ตีทะลุถึงกันหมด นำมาตีเป็นห้องพักได้ 16 ห้อง แบ่งเป็นห้อง Dom 6 ห้อง พักรวม 4 เตียง และ 6 เตียง แต่เนื่องจากห้วยขวางเป็นย่านโรงแรม เขาจึงทำห้อง Private ขึ้นมา 10 ห้อง เพื่อรองรับลูกค้าที่คุ้นเคยกับการพักแบบโรงแรมมากกว่า โชติรัตน์ เล่าให้ฟังว่า ข้อเสียของการเป็น Stand Alone Hostel คือไม่มีกลุ่มลูกค้าวอล์คอิน (Walk in) แตกต่างจากถนนข้าวสารซึ่งเป็นแหล่งที่พักแบบ Hostel โดยเฉพาะ แต่ข้อดีคือการทำธุรกิจแบบไร้คู่แข่ง ลูกค้าที่มาพัก ยิ้ม ห้วยขวาง จะมาจากการจองโดยตรงเป็นลูกค้าชาวต่างชาติ 90% โดยเฉพาะชาวเอเชีย
การจองทำให้สามารถตั้งราคาห้องพักให้สูงกว่าราคาเฉลี่ยของโรงแรมขนาดเล็กในย่านนี้ได้ โดยห้อง Dom แบบ 6 เตียง ราคาเตียงละ 450 บาท 4 เตียง เตียงละ 550 บาท ส่วนห้อง Private ราคา 1,560 บาท หากเป็นห้องที่แชร์ห้องน้ำ ราคาอยู่ที่ 1,400 บาท ราคาห้องพักจะปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับการบริการ
“ภาพจำสมัยก่อนของ Hostel คือ สกปรก ราคาถูก Backpacker มาอาศัยนอนชั่วคราว แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป ลูกค้าที่มาพักเป็นคนมีเงิน เดินทางมาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจ ไม่อยากพักโรงแรม เพราะชอบบรรยากาศการพักห้องรวม การพูดคุยที่เป็นกันเองกับเพื่อนร่วมห้อง เราให้บริการตามแบบที่คิดไว้ ซึ่งมันออกมาดี กลายเป็น Word of Mouth เขียนชมเราใน Social Media เนื่องจากเราไม่ได้มีงบการตลาด เรารู้ว่าถ้าเซอร์วิสลูกค้าดี ลูกค้าจะบอกต่อ การตลาดแบบนี้ค่อนข้างช้า แต่จะ Long Last” โชติรัตน์กล่าว
การเป็น SME ที่มีงบจำกัดทำให้ “โชติ รัตน์” เรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่งานฟรอนท์ งานให้บริการ กระทั่งงานแม่บ้าน การได้พูดคุยกับลูกค้าทำให้เขาเห็นโอกาสที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจ อันเป็นที่มาของรายได้นอกเหนือจากค่าเช่าห้อง อย่างมุม Café ขึ้นมาตอบสนองอาหาร Light Meal รวมทั้งจัดสรรพื้นที่รองรับการประชุมในบรรยากาศสบายๆ และการถ่ายรูป Pre-Wedding ที่มีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ โชติรัตน์ ตั้งเป้าว่าธุรกิจจะคืนทุนใน 4 ปี ขณะเดียวกันก็มองเรื่องการขยายสาขาของยิ้มในทำเลอื่นๆ ทั้งขยายด้วยตัวเองหรือขยายด้วยระบบแฟรนไชส์ ทั้งนี้ เขามองว่า “ทำเล” ที่ดีมีส่วนทำให้ลูกค้ารู้จักเร็วขึ้น แต่ถ้าคิดจะอยู่อย่างยั่งยืน Key Success คือ ต้อง“สร้างแบรนด์ สร้างคุณค่า” แล้วสิ่งเหล่านี้จะสร้างมูลค่าให้กับคุณ