อัครพัชร์ ปณชัยบัลลังก์ ผู้ก่อตั้ง ThaiBackOffice เล่าว่า เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2009 โดยพัฒนามาจากประสบการณ์ตรงของทีมผู้พัฒนาระบบที่เป็นคนขายสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว ทำให้เข้าใจและทราบปัญหาในการขายของออนไลน์จริงๆ ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ทำให้พัฒนาระบบให้ตอบโจทย์การใช้งานทุกฟังก์ชั่น ThaiBackOffice คือระบบหลังร้านที่ช่วยจัดการ Order ของผู้ที่ขายสินค้าออนไลน์หลายช่องทาง ทั้ง Facebook, Line, IG เว็บไซต์สำเร็จรูป (Weloveshopping, lnwShop ฯลฯ) รวมไปถึงขายผ่านหน้าร้าน เมื่อมีรายการขายเกิดขึ้นที่ช่องทางใดก็ตาม เพียงแค่นำมาเปิดบิลเข้าระบบ ก็จะสามารถจัดการสต็อกได้ในที่เดียว โดยระบบทำงานผ่านเว็บไซต์ “www.thaibackoffice.com” โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม ใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทดีไวซ์ ฟังก์ชั่นเด่นๆ ของ ThaiBackOffice มีทั้ง 
ระบบส่ง SMS แจ้งเลขที่พัสดุอัตโนมัติ ส่งไปยังลูกค้า พร้อมมีข้อความสำเร็จรูป ที่สามารถออกแบบและใส่ตัวแปรที่จะเปลี่ยนไปตาม Order นั้นๆ ได้ เพื่อนำไปตอบ Inbox Facebook, Line, IG ฯลฯ ช่วยแก้ปัญหาลูกค้าถามเลขพัสดุทั้งวัน
ระบบจะติดตามการชำระเงิน ทั้งส่ง Email, SMS และข้อความสำเร็จรูปสำหรับตอบในโซเชียลต่างๆ เพื่อแจ้งสรุปยอดที่ต้องจ่าย แก้ปัญหาลูกค้าสั่งซื้อเอาไว้เล่นๆ แต่ไม่โอนเงิน
แจ้งเตือนเมื่อ “รับ Order มากกว่าจำนวนสินค้าที่มีอยู่” ตัวอย่างเช่น ร้านมีสินค้า 5 ชิ้น ตอนเช้าขายลูกค้าคนหนึ่ง 3 ชิ้น แต่ยังไม่ได้โอนเงิน ตอนบ่ายมีคนมาขอซื้ออีก 3 ชิ้น ระบบก็จะแจ้งเตือนให้ทราบทันที เพื่อให้ติดต่อกับลูกค้าคนแรกว่ายังต้องการหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ไม่เผลอขายสินค้ามากกว่าจำนวนคงเหลือ ทำให้ไม่เสียโอกาสกับลูกค้าที่พร้อมจะโอนเงินจริงๆ
สามารถสร้าง User ได้หลายคน ให้ช่วยกันทำงานในระบบได้ โดยกำหนดสิทธิ์ ไม่ให้เห็นต้นทุน, กำไร ฯลฯ ได้ตามต้องการ และตรวจสอบย้อนหลังได้ว่า User ใดเป็นผู้กระทำสิ่งต่างๆ นอกจากนี้ช่วยจัดการเรื่องสต็อก สร้างใบปะหน้าพัสดุ ดูกำไร ตัวแทนจำหน่าย อีกด้วย ในส่วนของระบบความปลอดภัยของข้อมูล ระบบใช้เทคโนโลยี RAID 1 หรือการเขียนข้อมูลลง Harddisk พร้อมกัน 2 ตัว แก้ปัญหาข้อมูลสูญหายจาก Harddisk เสีย และยังมีการ Backup ข้อมูลจากเครื่อง Server เพิ่มเติม สำหรับค่าบริการจะคิดตามออเดอร์ที่เกิดขึ้นจริง ดังนี้ (1) 50 ออเดอร์ต่อเดือน ราคา 300 บาท (2) 100 ออเดอร์ต่อเดือน ราคา 500 บาท (3) 200 ออเดอร์ต่อเดือน ราคา 800 บาท (4) 300 ออเดอร์ต่อเดือน ราคา 1,000 บาท (5) 400 ออเดอร์ต่อเดือน ราคา 1,200 บาท (6) 500 ออเดอร์ต่อเดือน ราคา 1,400 บาท (7) ไม่จำกัดออเดอร์ต่อเดือน ราคา 2,000 บาท ซึ่งแต่ละแพ็คเกจจะมีฟังก์ชั่นการใช้งานแตกต่างกันไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaibackoffice.com/Package.asp “อัตรา Package นี้ก็คิดจากยอดขาย จ่ายค่าบริการแพงขึ้นตามจำนวนยอดขายที่ทำได้มากขึ้นเช่นกัน ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะจ่ายเงินเกินความจำเป็น หากเปรียบเทียบกับการจ้างพนักงานประจำ ถือว่าถูกกว่าหลายเท่าตัว”
อัครพัชร์ แนะนำว่า ระบบนี้เหมาะสำหรับร้านค้าที่ขายผ่านหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน รวมไปถึงขายผ่านตัวแทน ฝากขาย ฯลฯ ซึ่งสามารถจัดการออเดอร์ทั้งหมดผ่าน ThaiBackOffice สำหรับร้านที่ขายผ่านเว็บสำเร็จรูปได้อย่างเดียวก็อาจจะไม่จำเป็น เพราะจัดการออเดอร์จากที่เดียวอยู่แล้ว แต่การขายช่องทางเดียวก็จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ช้า ปัจจุบัน มีร้านค้าใช้งานอยู่ในระบบกว่า 1,000 ราย ตั้งแต่ร้านขนาดเล็กจนไปถึงร้ายใหญ่ ที่มียอดขายหลักล้าน อนาคตก็จะมีการเพิ่มฟังก์ชั่นที่ตอบสนองการใช้งานอย่างต่อเนื่อง “ระบบมีการพัฒนาความสามารถใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีข้อได้เปรียบตรงที่ ผู้พัฒนาระบบ เป็นคนขายของออนไลน์ด้วย (ขายหนังสือ) ทำให้เข้าใจหัวอกพ่อค้าแม่ค้าอย่างลึกซึ้ง แถมยังมีแหล่งข้อมูลจากผู้ใช้ระบบจำนวนมาก ที่คอยส่งปัญหา และคอยแจ้งให้พัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง” อัครพัชร์ กล่าวทิ้งท้าย
Food Truck ที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมในขณะนี้ จนธุรกิจแฟรนไชส์อาหารและเครื่องดื่มหลากหลายค่ายให้ความสนใจ ปรับเปลี่ยนให้มาอยู่ในรูปแบบร้านมากขึ้น แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เข้าใจรูปแบบของธุรกิจมากเท่าที่ควรวันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาบอก 6 เรื่องสำคัญต้อ
ใครที่กำลังคิดจะเปิดร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด สินค้าราคาเดียว ห้ามพลาดสิ่งนี้ วันนี้ ชี้ช่องรวย มีเทคนิคดีๆ มานำเสนอกันอีกแล้ว กับ 3 รูปแบบ 9 วิธี สำหรับขายสินค้าเบ็ดเตล็ด สินค้าราคาเดียว ที่จะทำให้ร้านของคุณนั้นประสบความสำเร็จ มียอดขายทะลุเป้าได้ไม่ยากหากทำ
การทำธุรกิจอะไรก็ตามแต่ การมีทำเลที่ดี ก็จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ดั่งคำที่ว่า “ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” แต่รู้หรือไม่ว่าต่อให้ทำเลดีแค่ไหน หากไม่เหมาะกับธุรกิจนั้นๆ มันก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ ชี้ช่องรวยจึงอยากจะมาแนะนำ 6 ประเภทภาพรวมว่าควรจะเลือกทำเลแบบไหนถึงจะดีที่สุด 1.โฮมออฟฟิศ ปัจจุบันโฮมออฟฟิศเป็นที่นิยมมากของผู้ประกอบการรายใหม่ โดยการดัดแปลงห้องภายในบ้านให้กลายเป็นที่ทำงาน แน่นอนว่าการใช้ที่พักอาศัยเป็นที่ทำงานจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ข้อเสียที่ต้องทำใจคือ อาจพักผ่อนได้ไม่เต็มที่เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่กองงาน และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะทำให้ขาดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจต่างๆ ดังนั้นคุณควรช่างน้ำหนักให้ดีว่าจะเลือกความเป็นส่วนตัวหรือเลือกงาน หากเลือกความเป็นส่วนตัวก็ควรเลือกทำที่สงบ ถ้าต้องการมีแรงกระตุ้นในการทำงาน ควรเลือกทำเลที่มีคนพลุกพล่าน นอกจากนี้คุณควรคำนึงถึงหลักกฎหมายด้วยว่าบ้านของคุณสามารถดัดแปลงเป็นที่ทำงานได้หรือไม่ 2. แฟรนไชส์ ร้านค้าปลีก หรือการบริการต่างๆ รูปแบบนี้เราอาจจะพบเห็นกันโดยทั่วไป ซึ่งหลักการสำหรับร้านขายปลีก และร้านบริกานั้นจะต้องเป็นจุดสังเกต ดึงดูดลูกค้า เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ตลาด ย่านชุมชน หรือเลือกทำเลที่อยู่ใกล้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากเปิดร้านเครื่องเขียนก็ควรตั้งอยู่ใกล้โรงเรียน ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นควรตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ร้านอาหารตามสั่งอยู่ในแหล่งที่มีหอพัก เป็นต้น ทั้งนี้ข้อควรระวังอีกอย่างคือ อย่าตั้งร้านใกล้ร้านดังที่ขายสินค้า และบริการแบบเดียวกับคุณเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงที่ลูกค้าจะไม่ใช้บริการร้านเปิดใหม่ของคุณ 3.ธุรกิจเคลื่อนที่ หรือ Food truck หากคุณจะทำธุรกิจเคลื่อนที่ คุณจำเป็นต้องมีพาหนะที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเสียก่อน ซึ่งพาหนะนี่แหละที่จะพาสินค้าและบริการของคุณไปสู่ทำเลที่ดี […]
